There are no coincidences in the universe.
Existing, living, or going without others; alone
View my complete profile
posted by solitary animal @ 7:30 AM
คัดมา - ของดีมีอยู่ โดย ขรรค์ชัย บุนปานวันที่ 04 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1316 พระราชนิพนธ์แปลของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กลางหน้าคู่มติชนสุดสัปดาห์ฉบับนี้ เป็นความฝันเรื่องที่ 3ท่านผู้เขียนเดิมคือ กุนเธอร์ ไอช์ เป็นชาวเยอรมัน แต่เรื่องราวและฉากทั้ง 5 เรื่องก็กระจายอยู่ตามประเทศต่างๆ มีเยอรมนี จีน ออสเตรเลีย รัสเซีย และอเมริกาผู้เขียนต้องการเสนอความคิดของบุคคลที่เป็นปัญหาสากล จิตวิญญาณมนุษย์เกิดได้รวดเร็วทุกแห่งหนละครวิทยุของ กุนเธอร์ ไอช์ เกิดขึ้นระหว่าง ค.ศ.1947-1950 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2พระทูลกระหม่อมของพวกเรา แปลเรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องแรก ราวปี พ.ศ.2544 (ค.ศ.2001) จนในปี พ.ศ.2548 ใช้เวลา 4 ปีเช่นเดียวกันภาษาของพระองค์ท่านสลวย ให้ความสุขแก่ผู้อ่านลึกซึ้ง เรียบง่าย ไม่น่ากลัวถ้าต้องยอมรับกับความเป็นจริงในโลกที่เกิดขึ้นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินบอกกับพสกนิกรของท่านว่า โลกที่เน้นแต่เรื่องวัตถุไม่ใช่ความสุข โหดเสียด้วยซ้ำหยั่งฉบับนี้ ศัตรูของชาวบ้านอาจหมายถึงลัทธิการเมืองหรือนโยบายของผู้นำเผด็จการน่าประหลาดนิดหนึ่งก็ตรงที่ โลกปัจจุบัน ขี้ข้าข้างถนนมักบ่นบ้าถึงแต่เรื่องทุนนิยมสามานย์ ขณะที่สติปัญญา ความดี ความงาม กลับเอ่ยถึงความสุขเรียบๆ อย่างเศรษฐกิจพอเพียงเรื่องแปลชุดความฝันของ สมเด็จพระเทพฯ ของเรา มีเพียง 5 ตอนก็จริง ทว่า ความยิ่งใหญ่ของอรรถรส มโนสำนึก และจินตนาการ บรรเจิดเพริศพรายไม่รู้จบเด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี รวมเป็นเล่มเมื่อไร เป็นสมบัติอนรรฆค่าของบ้านได้ทุกครัวเรือนสุดสัปดาห์ของสิ้นเดือนที่แล้ว ซุก ประชาชาติธุรกิจ ไว้เล่มหนึ่ง ฉบับวันที่ 27 ถึง 30 ตุลาคม พ.ศ.2548เปิดหน้า 16 ปั๊บ เจอะหน้าเพื่อนเก่าร่วมสมัยโดยบังเอิญท่านคืออดีตประธานาธิบดีโซเวียต กอร์บาชอฟ ผู้ยิ่งยงประชาชาติธุรกิจ ส่งรายงานตรงฉบับนี้มาจากมหานครลอนดอน ลองไปหาอ่านฉบับเต็มกันดูเถอะครับ แล้วก็ตีตราจองอ่านทุกฉบับต่อไปด้วยกอร์บาชอฟ ขึ้นปาฐกถาพิเศษบนเวทีเวิลด์ คองเกรส ระหว่าง 19-21 ตุลาคม พูดเรื่องขายตรงระดับโลก ในนามเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ปีพ.ศ.2533ผู้ยิ่งยงแห่งโลกในอดีตขายตรงยังไง ผมจะลองเก็บเล็กผสมน้อยให้ดู"เรายุติการสะสมอาวุธ ด้วยความหวังว่า เงินมหาศาลเหล่านั้น จะถูกนำไปพัฒนาในสิ่งที่สมควรถึงวันนี้...ถามว่าเราประสบความสำเร็จหรือยังคำตอบคือ ยังสนธิสัญญาต่างๆ ยังไม่ถูกนำไปใช้อย่างเต็มที่ และการสร้างระเบียบโลกใหม่ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเลย"อีกตอน"หลังการล่มสลายของโซเวียต คนส่วนใหญ่คิดว่าประชาธิปไตยชนะแล้ว ทุนนิยมได้ชัยชนะแล้ว ก็คิดว่า โลกไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอีกต่อไปผิดถนัดโลกกลับมีความซับซ้อนใหม่เกิดขึ้นมีคนจนที่ต้องประทังชีวิตด้วยเงิน 1-2 เหรียญต่อวันขณะที่ซีอีโอของบริษัทขนาดใหญ่มีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 200-300 เท่า"มือระดับ กอร์บาชอฟ มีโนเบลเป็นรางวัล พูดอะไรก็น่าฟัง"การพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นแค่คำพูดสวยหรูข้อตกลงเพื่อสร้างสมดุลสิ่งแวดล้อมในโจฮันเนสเบิร์ก กลายเป็นแค่เรื่องบนกระดาษอนุสัญญาโตเกียวว่าด้วยเรื่องภาวะโลกร้อน ไม่มีใครใส่ใจวันนี้ เราได้เห็นความสูญเสียทางธรรมชาติจากพายุเฮอร์ริเคนแล้วมองกลับไปที่สนธิสัญญาโตเกียว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสโลแกนกลุ่มการค้าเสรีก็เป็นเรื่องแค่โกหกกำไรกลายเป็นสิ่งเดียวที่ทุกคนคาดหวัง"คุณพี่เขาสารภาพซากทุนนิยมซื่อๆ ด้วยว่า"ขณะนี้ รัสเซียมีคนรวยเพิ่มขึ้นกลุ่มหนึ่ง แต่มีประชากรเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มีเงินพอจะเข้าไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต"ฟังอดีตคอมมิวนิสต์ผู้ยิ่งใหญ่พูดถึงประชาธิปไตยบ้าง"ผมยังยืนยันความเชื่อเรื่องประชาธิปไตย ประชาธิปไตยอยู่ไม่ได้ด้วยรถถัง หรือจรวดมิสไซส์หลักการคือ เราต้องเข้าใจประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ความแตกต่างของแต่ละประเทศ ซึ่งจะมีแนวทางประชาธิปไตยในแบบของตัวเองข้อสรุปก็คือ สร้างการเมืองที่เข้มแข็ง จัดลำดับความสำคัญการเมืองระหว่างประเทศให้ดีเรื่องเศรษฐกิจ ธุรกิจ ต้องเชื่อมโยงกันต้องเดินไปพร้อมกับสังคมการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นภูมิภาค ควรเลิกการกีดกันในรูปแบบต่างๆ ทำความเข้าใจกับชุมชนให้จงได้ที่สำคัญ ธุรกิจต้องไม่คิดแต่จะทำกำไรโดยมองข้ามความมั่นคงของชาติ"ตัดมาประสาคนรู้น้อยได้เท่านั้นเองครับไม่ว่าคอมมิวนิสต์เทื้อๆ ประชาธิปไตยท้วยส์ๆ ถ้ามันขาดความเป็นผู้มีใจสูง ก็เชยระยำเหมือนกันทั้งนั้นกอร์บาชอฟ หลุดขึ้นไปเป็นมนุษย์ผู้ยิ่งยงเสียแล้วอ่านแล้ว นักการเมืองบางประเทศจะอำลาอาชีพก็ควร-หน้า 106
แนะนำให้อ่าน "เพชฌฆาตเศรษฐกิจ (A Confession of Economic Hitman)" แล้วจะทราบว่าสิ่งต่างๆทีเกิดขึ้นกับโลกของเราในวันนี้ ไม่ใช่แค่สภาวะการณ์หนึ่ง หรือแค่เหตุบังเอิญ แต่เป็นระบบอันบ้าคลั่งซึ่งเป็นผลพวงจากการวางแผนและการแสวงหาผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ซึ่งเริ่มขึ้นเกือบครึ่งศตวรรษมาแล้วทุนนิยม + รัฐบาลฉ้อฉล + บรรษัทข้ามชาติ = coporatocracy จักรวรรดินิยมยุคใหม่
ขอบคุณ Blog Traveller ที่แวะมาแชร์หนังสือดีๆ จ้า!ขอเสริมอีกนิด เพชฌฆาตเศรษฐกิจ เป็นเรื่องจริงของ จอห์น เพอร์กินส์ แปลโดย ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์ เล่มนี้คุณขรรค์ชัย บุนปานก็แนะนำ เราเองยังไม่ได้หามาอ่านเลย เอาเป็นว่าถ้าใครได้อ่านหรือมีอะไรดีๆ ก็อย่าลืมมาแชร์ให้ฟังกันบ้างเน้อ :)
Post a Comment
<< Home
3 Comments:
คัดมา - ของดีมีอยู่ โดย ขรรค์ชัย บุนปาน
วันที่ 04 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1316
พระราชนิพนธ์แปลของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กลางหน้าคู่มติชนสุดสัปดาห์ฉบับนี้ เป็นความฝันเรื่องที่ 3
ท่านผู้เขียนเดิมคือ กุนเธอร์ ไอช์ เป็นชาวเยอรมัน แต่เรื่องราวและฉากทั้ง 5 เรื่องก็กระจายอยู่ตามประเทศต่างๆ มีเยอรมนี จีน ออสเตรเลีย รัสเซีย และอเมริกา
ผู้เขียนต้องการเสนอความคิดของบุคคลที่เป็นปัญหาสากล จิตวิญญาณมนุษย์เกิดได้รวดเร็วทุกแห่งหน
ละครวิทยุของ กุนเธอร์ ไอช์ เกิดขึ้นระหว่าง ค.ศ.1947-1950 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
พระทูลกระหม่อมของพวกเรา แปลเรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องแรก ราวปี พ.ศ.2544 (ค.ศ.2001) จนในปี พ.ศ.2548 ใช้เวลา 4 ปีเช่นเดียวกัน
ภาษาของพระองค์ท่านสลวย ให้ความสุขแก่ผู้อ่านลึกซึ้ง เรียบง่าย ไม่น่ากลัวถ้าต้องยอมรับกับความเป็นจริงในโลกที่เกิดขึ้น
เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินบอกกับพสกนิกรของท่านว่า โลกที่เน้นแต่เรื่องวัตถุไม่ใช่ความสุข โหดเสียด้วยซ้ำ
หยั่งฉบับนี้ ศัตรูของชาวบ้านอาจหมายถึงลัทธิการเมืองหรือนโยบายของผู้นำเผด็จการ
น่าประหลาดนิดหนึ่งก็ตรงที่ โลกปัจจุบัน ขี้ข้าข้างถนนมักบ่นบ้าถึงแต่เรื่องทุนนิยมสามานย์ ขณะที่สติปัญญา ความดี ความงาม กลับเอ่ยถึงความสุขเรียบๆ อย่างเศรษฐกิจพอเพียง
เรื่องแปลชุดความฝันของ สมเด็จพระเทพฯ ของเรา มีเพียง 5 ตอนก็จริง ทว่า ความยิ่งใหญ่ของอรรถรส มโนสำนึก และจินตนาการ บรรเจิดเพริศพรายไม่รู้จบ
เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี รวมเป็นเล่มเมื่อไร เป็นสมบัติอนรรฆค่าของบ้านได้ทุกครัวเรือน
สุดสัปดาห์ของสิ้นเดือนที่แล้ว ซุก ประชาชาติธุรกิจ ไว้เล่มหนึ่ง ฉบับวันที่ 27 ถึง 30 ตุลาคม พ.ศ.2548
เปิดหน้า 16 ปั๊บ เจอะหน้าเพื่อนเก่าร่วมสมัยโดยบังเอิญ
ท่านคืออดีตประธานาธิบดีโซเวียต กอร์บาชอฟ ผู้ยิ่งยง
ประชาชาติธุรกิจ ส่งรายงานตรงฉบับนี้มาจากมหานครลอนดอน ลองไปหาอ่านฉบับเต็มกันดูเถอะครับ แล้วก็ตีตราจองอ่านทุกฉบับต่อไปด้วย
กอร์บาชอฟ ขึ้นปาฐกถาพิเศษบนเวทีเวิลด์ คองเกรส ระหว่าง 19-21 ตุลาคม พูดเรื่องขายตรงระดับโลก ในนามเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ปีพ.ศ.2533
ผู้ยิ่งยงแห่งโลกในอดีตขายตรงยังไง ผมจะลองเก็บเล็กผสมน้อยให้ดู
"เรายุติการสะสมอาวุธ ด้วยความหวังว่า เงินมหาศาลเหล่านั้น จะถูกนำไปพัฒนาในสิ่งที่สมควร
ถึงวันนี้...ถามว่าเราประสบความสำเร็จหรือยัง
คำตอบคือ ยัง
สนธิสัญญาต่างๆ ยังไม่ถูกนำไปใช้อย่างเต็มที่ และการสร้างระเบียบโลกใหม่ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเลย"
อีกตอน
"หลังการล่มสลายของโซเวียต คนส่วนใหญ่คิดว่าประชาธิปไตยชนะแล้ว ทุนนิยมได้ชัยชนะแล้ว ก็คิดว่า โลกไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป
ผิดถนัด
โลกกลับมีความซับซ้อนใหม่เกิดขึ้น
มีคนจนที่ต้องประทังชีวิตด้วยเงิน 1-2 เหรียญต่อวัน
ขณะที่ซีอีโอของบริษัทขนาดใหญ่มีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 200-300 เท่า"
มือระดับ กอร์บาชอฟ มีโนเบลเป็นรางวัล พูดอะไรก็น่าฟัง
"การพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นแค่คำพูดสวยหรู
ข้อตกลงเพื่อสร้างสมดุลสิ่งแวดล้อมในโจฮันเนสเบิร์ก กลายเป็นแค่เรื่องบนกระดาษ
อนุสัญญาโตเกียวว่าด้วยเรื่องภาวะโลกร้อน ไม่มีใครใส่ใจ
วันนี้ เราได้เห็นความสูญเสียทางธรรมชาติจากพายุเฮอร์ริเคนแล้ว
มองกลับไปที่สนธิสัญญาโตเกียว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
สโลแกนกลุ่มการค้าเสรีก็เป็นเรื่องแค่โกหก
กำไรกลายเป็นสิ่งเดียวที่ทุกคนคาดหวัง"
คุณพี่เขาสารภาพซากทุนนิยมซื่อๆ ด้วยว่า
"ขณะนี้ รัสเซียมีคนรวยเพิ่มขึ้นกลุ่มหนึ่ง แต่มีประชากรเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มีเงินพอจะเข้าไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต"
ฟังอดีตคอมมิวนิสต์ผู้ยิ่งใหญ่พูดถึงประชาธิปไตยบ้าง
"ผมยังยืนยันความเชื่อเรื่องประชาธิปไตย ประชาธิปไตยอยู่ไม่ได้ด้วยรถถัง หรือจรวดมิสไซส์
หลักการคือ เราต้องเข้าใจประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ความแตกต่างของแต่ละประเทศ ซึ่งจะมีแนวทางประชาธิปไตยในแบบของตัวเอง
ข้อสรุปก็คือ สร้างการเมืองที่เข้มแข็ง จัดลำดับความสำคัญการเมืองระหว่างประเทศให้ดี
เรื่องเศรษฐกิจ ธุรกิจ ต้องเชื่อมโยงกันต้องเดินไปพร้อมกับสังคม
การมีส่วนร่วมของท้องถิ่นภูมิภาค ควรเลิกการกีดกันในรูปแบบต่างๆ ทำความเข้าใจกับชุมชนให้จงได้
ที่สำคัญ ธุรกิจต้องไม่คิดแต่จะทำกำไรโดยมองข้ามความมั่นคงของชาติ"
ตัดมาประสาคนรู้น้อยได้เท่านั้นเองครับ
ไม่ว่าคอมมิวนิสต์เทื้อๆ ประชาธิปไตยท้วยส์ๆ ถ้ามันขาดความเป็นผู้มีใจสูง ก็เชยระยำเหมือนกันทั้งนั้น
กอร์บาชอฟ หลุดขึ้นไปเป็นมนุษย์ผู้ยิ่งยงเสียแล้ว
อ่านแล้ว นักการเมืองบางประเทศจะอำลาอาชีพก็ควร
-หน้า 106
แนะนำให้อ่าน "เพชฌฆาตเศรษฐกิจ (A Confession of Economic Hitman)"
แล้วจะทราบว่า
สิ่งต่างๆทีเกิดขึ้นกับโลกของเราในวันนี้ ไม่ใช่แค่สภาวะการณ์หนึ่ง หรือแค่เหตุบังเอิญ แต่เป็นระบบอันบ้าคลั่งซึ่งเป็นผลพวงจากการวางแผนและการแสวงหาผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ซึ่งเริ่มขึ้นเกือบครึ่งศตวรรษมาแล้ว
ทุนนิยม + รัฐบาลฉ้อฉล + บรรษัทข้ามชาติ = coporatocracy จักรวรรดินิยมยุคใหม่
ขอบคุณ Blog Traveller ที่แวะมาแชร์หนังสือดีๆ จ้า!
ขอเสริมอีกนิด เพชฌฆาตเศรษฐกิจ เป็นเรื่องจริงของ จอห์น เพอร์กินส์ แปลโดย ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์ เล่มนี้คุณขรรค์ชัย บุนปานก็แนะนำ เราเองยังไม่ได้หามาอ่านเลย เอาเป็นว่าถ้าใครได้อ่านหรือมีอะไรดีๆ ก็อย่าลืมมาแชร์ให้ฟังกันบ้างเน้อ :)
Post a Comment
<< Home