There are no coincidences in the universe.

Solitary Animal: The Older The Better

Monday, August 08, 2005

The Older The Better

เหมือนหมาอยากมีเจ้าของ
ปลาอ้วน BOOK-YES @ YAHOO.COM

คนแก่มีหัวใจอย่างแน่นอน

อีกหน่อยคนแก่จะล้นโลก เพราะจำนวนเด็กเกิดใหม่ลดน้อยลง และผู้คนอายุยืนยาวขึ้น โดยทั่วไปยึดเอาผู้มีอายุ 60 ปีว่าเป็นคนแก่ ถ้าจอห์น เลนนอน ยังไม่ตาย เขาก็จะอายุ 65 ปี ซึ่งถือว่าแก่พอประมาณ บี.บี.อายุ 80 ปี แต่นั่งเล่นกีตาร์มานานแล้ว เพราะยืนเล่นไม่ไหว นอกจากใช้มือเล่น ผู้เฒ่า บี.บี.ยังใช้หัวใจเล่นด้วย นั่นแสดงว่าคนแก่มีหัวใจแน่นอน

8 Comments:

Blogger solitary animal said...

วันก่อนผมเห็นผู้ชายแก่มากแล้วคนหนึ่ง ขี่รถสามล้อที่มีสภาพแก่พอกัน และในห้องโดยสารของสามล้อคันนี้ มีผู้หญิงแก่มากหนึ่งคนนั่งอยู่ รวมผู้ชาย 1 ผู้หญิง 1 และสามล้อจอมพล ป.อีก 1 คงจะประมาณ 200 ปี ผมขี่จักรยานตามหลังสามล้อคันนี้ และสามารถแซงหน้าได้อย่างรวดเร็ว ตอนแรกคิดจะสะกดรอยดูสักหน่อยว่าตายายคู่นี้จะไปไหนกัน แต่พอนึกถึงเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ผมก็เปลี่ยนใจ ได้เพียงแค่บันทึกภาพชีวิตที่เห็นไว้ในความทรงจำ แผ่นหลังของชายหญิงบนสามล้อโค้งงอเข้าหาแผ่นดินเลยนะครับ ส่วนความเร็วของสามล้อคันนี้คงไม่เกิน 5 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงด้วยซ้ำ

แน่นอนว่า ตายายที่ผมเห็นย่อมเคยเป็นหนุ่มสาวและเคยเป็นเด็กมาก่อน นอกจากอยากตามดูว่าจะไปไหนกัน ผมก็อยากสัมภาษณ์ทั้งคู่อีกด้วย...เบื่อโลกบ้างไหม อะไรคือความหวังสูงสุด กลัวตายหรือเปล่า อยากมีชีวิตอยู่ไปอีกนานแค่ไหน ฯลฯ

ถ้านับว่าอายุ 40 ปี เป็นคนแก่ ผมก็แก่มาสัก 2-3 ปีแล้ว หากยังนับว่าหนุ่มอยู่ ผมก็เหลือความเป็นหนุ่มอีกไม่กี่ปี เมื่อก่อนรุ่นพี่บางคนเคยบอก-เอ็งเจอแน่ๆ ความแก่ เขาบอกตอนผมอายุ 25-26 ปี ซึ่งยังห่างไกลจากความแก่ประมาณ 15 ปีแล้ว รุ่นพี่คนนี้บอกอีก-พอแก่แล้วเอ็งก็จะเชย พอเชยเสร็จเอ็งก็จะถูกเด็กๆ โห่เอา พอเด็กๆ โห่ เอ็งก็จะรู้สึกว่าคนแก่นั้นมีหัวใจ แต่โชคร้ายนิดหน่อย ที่ไม่ค่อยมีใครเห็นหัวใจของคนแก่

เอาล่ะ...สมมติถ้าผมเป็นคนแก่ก็แล้วกัน จะได้พูดถึงคนแก่ได้ถนัดปาก คนแก่คือคนประเภทที่อยู่กับโลกมานาน และยังไม่ถึงเวลาที่จะจากโลกนี้ไปไหน โดยปกติคนแก่ยังแบ่งออกเป็น 2 พวก คือ พวกที่แก่อย่างอบอุ่น และแก่อย่างโดดเดี่ยว

แต่คนแก่รุ่นนี้จะโดดเดี่ยวกันมากขึ้น เช่น ปู่ย่าตายาย (รวม 4 คน) อาจจะมีหลานแค่ 1 คนเท่านั้น หรือบางคนแก่ไม่มีโอกาสเป็นปู่ย่าตายายเลย เมื่ออยู่อย่างโดดเดี่ยวก็ว้าเหว่ และเศร้าสร้อยได้ง่าย จะหาโอกาสคลายเหงาแบบหนุ่มสาวก็ยาก ดังนั้น หัวใจของคนแก่ที่โดดเดี่ยวจึงคล้ายๆ เนื้อเปื่อย การที่คนแก่หันหน้าเข้าหาวัดและธรรมะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความโดดเดี่ยวคอยผลักดัน

คนแก่เคลื่อนที่เชื่องช้า นอนไม่ค่อยหลับ และตื่นเช้าเกินความจำเป็น ตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้จะทำอะไร แต่จะนอนต่อก็ไม่ได้ คล้ายๆ ว่าอยากเห็นโลกให้เต็มตาก่อนจากไป คนแก่ขี้บ่นและจุกจิก จู้จี้ เพราะต้องการเรียกร้องความสนใจ แต่แทนที่จะเกิดความน่าสนใจ กลับกลายเป็นน่ารำคาญ หัวใจคนแก่ครึ่งค่อนโลกบอบช้ำเพราะถูกพวกลูกหลานกล่าวหาว่าน่ารำคาญ จริงอยู่ที่อะไรๆ ในแบบคนแก่มันขวางหูขวางตา แต่ทำไมไม่ยอมเห็นหัวใจกันบ้างเลย หรือหัวใจของคนแก่มันเลือนรางและซีดจางจนจับต้องไม่ได้ คนแก่เป็นไม้ใกล้ฝั่งที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะบอกลาโลกใบนี้ แต่คัมมิ่ง ซูน แน่นอน

แถวบ้านผมมีคนแก่มากพอสมควร มีทั้งคนแก่ที่ไร้ญาติขาดมิตร คนแก่ญาติเยอะ คนแก่เก็บของจากถังขยะไปขาย คนแก่เก็บค่าเช่าบ้าน คนแก่ซึมเศร้า คนแก่ร่าเริง ฯลฯ พวกเขาคืออนาคตของผม มองดูคนแก่เหล่านี้ก็เห็นอนาคตตัวเอง จะปฏิเสธว่าไม่ใช่อนาคตก็ไม่ได้ เพราะถ้ายังมีลมหายใจไปเรื่อยๆ ก็ต้องแก่แน่นอน...ทุกส่วนในร่างกายเหี่ยวย่นหมดยกเว้นหูอย่างเดียวที่ตึง หลังที่เคยตรงก็จะโค้งงอตามแรงดึงดูดของโลก ผมบนหัวเปลี่ยนสี เพราะเป็นฤดูใบไม้ร่วงของชีวิต หัวใจที่เคยมีคนเห็นก็เริ่มไม่ค่อยมีใครเห็น จากที่เป็นคนน่ารำคาญน้อยก็จะเปลี่ยนเป็นน่ารำคาญมาก จากที่เคยคิดฝันถึงอนาคตก็มีแต่ภาพของอดีตมาหลอกหลอน ฯลฯ

การเป็นคนแก่นั้นไม่ต้องกรอกใบสมัคร ไม่ต้องเสียเงินเสียทอง แค่รอถูกเรียกตัวก็พอ ผมถูกเรียกไปเตือน 2-3 ครั้งแล้วครับ และคงถูกเรียกอีก จนกว่าจะเป็นคนแก่เต็มรูปแบบ ตอนนี้แค่ครึ่งรูปแบบ บางคืนผมฝันร้ายเกี่ยวกับความแก่ ฝันว่าร่างกายตัวเองแบ่งเป็น 2 ส่วน ซีกขวาคือคนแก่อายุ 91 ส่วนซีกซ้ายเป็นคนหนุ่มอายุ 19 ทั้งสองซีกโต้เถียงและชกต่อยกันไปมาอย่างอุตลุด และแปลกมากที่ไอ้หนุ่มอายุ 19 กลับพ่ายแพ้ ทั้งๆ ที่โดยวัยแล้วควรจะชนะขาด

มันทำให้ผมสังหรณ์ว่าไม่เกินปีนี้อาจถึงเวลาที่จะต้องแก่อย่างเป็นทางการแล้ว และสำหรับหัวใจ ก็คงมีใครต่อใครเห็นน้อยลง ได้แต่หวังว่าลางสังหรณ์จะทำหน้าที่ของมันผิดพลาด

Monday, August 08, 2005 8:17:00 AM  
Anonymous Anonymous said...

เอาอีกๆๆๆ หามาลงอีกน่ะ ... ชอบอ่านจริงๆ ไอ้แบบนี้อ่ะ คือ หาตรงกลาง...หาที่ยืน..

ทำไมสำนวนเขียนคุ้นๆจังเลย.. รบกวนบอกได้ไหม ว่า ใครเขียน?

G'day !

R.Clintkaid

Monday, August 29, 2005 12:06:00 AM  
Blogger solitary animal said...

พอแก่แล้วเอ็งก็จะเชย พอเชยเสร็จเอ็งก็จะถูกเด็กๆ โห่เอา พอเด็กๆ โห่ เอ็งก็จะรู้สึกว่าคนแก่นั้นมีหัวใจ แต่โชคร้ายนิดหน่อย ที่ไม่ค่อยมีใครเห็นหัวใจของคนแก่

เราชอบประโยคข้างบนอ่ะ โดนนน...อย่างแรง ฮ่าๆๆ เดี๋ยวนี้เพลงใหม่ๆ แทบไม่รู้จักเลยเวลาได้ยินเข้า เอ่ยปากถามน้องๆ ที่ออฟฟิศบ้าง ถามหลานสาวที่กำลังย่างเข้าวัยรุ่น เราก็จะโดนว่าว่า "เชย" ทุกทีเลยอ่ะ :)

Tuesday, August 30, 2005 3:08:00 PM  
Blogger solitary animal said...

Professional Columnist : วิรัตน์ โตอารีย์มิตร

เขาตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อจะทำงาน

เหมือนกับที่คนทั่วไปต้องล้างหน้าแปรงฟัน และสำหรับเขาบางที-บางเช้า เขาจับปากกาก่อนแปรงสีฟัน

จิบกาแฟก้นแก้วที่เหลือค้างจากคืนก่อน และเรียกขอให้ภรรยาชงมาเติมให้เป็นระยะตลอดวันอย่างน้อย 4 แก้ว

สูบบุหรี่ (วันละราว 2 ซอง)

เปิดเพลง (จากแผ่นซีดี)

และเปิดโทรทัศน์ (ไม่เอาเสียง)

ตั้งแต่ 6 โมงเช้าไปจนถึงหลังเที่ยงคืนของวันจันทร์ ถึง ศุกร์ (เสาร์-อาทิตย์หยุดทำงาน) เขาอยู่กับปัจจัย 4 สิ่งนี้

ภายในห้องเขียนหนังสือสลับกับการพาหมาออกไปเดินเล่น พักผ่อน และออกกำลังกาย ฉายภาพกิจวัตรประจำวันของชายวัย 40 ต้นๆ คนหนึ่ง-คนนี้ หลายย่อหน้า

เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นว่าเขาก็มีวิถีชีวิตประจำวันเยี่ยงผู้คนธรรมดาทั่วไป

สิ่งที่เขาทำต่างหาก-ที่ไม่ธรรมดา !

เขาเขียนคอลัมน์ประจำในหนังสือ 11 ฉบับ นับจำนวนชิ้นที่แน่นอน 27 ชิ้นต่อเดือน (ไม่นับรวมงานจรที่ถูกขอให้เขียนอีกประปราย)

ในห้วงเวลานี้ เขาน่าจะเป็นนักเขียนอิสระที่มีคอลัมน์ตามหน้าหนังสือมากที่สุดในเมืองไทย

วิรัตน์ (อ้วน) โตอารีย์มิตร หรือ ญามิลา หรือ ปลาอ้วน หรือ วนาโศก และ ฯลฯ ดำรงวิถีในฐานะคอลัมนิสต์มานานเกือบทศวรรษ ผ่านช่วงเวลาของการสั่งสม ต่อสู้ ฝ่าฟัน และฝึกฝนตนเองมายาวนาน ทุกวันนี้เขามีรายได้ต่อเดือนเทียบเท่าผู้จัดการธนาคาร ซึ่งครั้งหนึ่งเตี่ยของเขาอยากให้เป็น

“เรียนจบเตี่ยจะให้ทำงานแบงก์ ไม่ต้องไปสมัครที่ไหนเลย เขาหาไว้ให้เรียบร้อย เราไม่เอา ไปเดินหางานหนังสือ”

Tuesday, August 30, 2005 3:16:00 PM  
Blogger solitary animal said...

สนใจคลิ๊กเข้าไปอ่านต่อได้ตาม url นี้ได้เลย :)

http://www.sarakadee.com/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=291

Tuesday, August 30, 2005 3:19:00 PM  
Anonymous Anonymous said...

น่าจะเป็นอีกตัวอย่างนึง ของคนที่ได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองรักและชอบ....

กี่คนน้า .. จะได้มีชีวิตแบบนี้...

ในสมการนี้ คงต้องมีอะไรบางอย่าง ที่ต้องแลกมาด้วยเหมือนกัน เช่น เปลืองบุหรี่วันละ 2 ซอง

:)

R.Clintkaid

Wednesday, August 31, 2005 1:33:00 AM  
Blogger solitary animal said...

กี่คนน้า .. จะได้มีชีวิตแบบนี้...

เคยได้ยินมั๊ย เค้าว่า..."You are the choices that you have made"

ลึกซึ้งนะเนี่ยะ! :)

Thursday, September 01, 2005 7:18:00 AM  
Blogger suwan said...

คนแ่ก่ แต่ ใจยังหนุ่ม ใจดีด้วย ไม่หลอกลวง ก็ ok

Monday, October 16, 2006 5:25:00 PM  

Post a Comment

<< Home

Gabu on Facebook