There are no coincidences in the universe.

Solitary Animal: Crying Tin Tin

Sunday, August 07, 2005

Crying Tin Tin


ท่าบีบน้ำตาของตินติน พบเห็นได้วันละหลายครั้งที่บ้าน (ฮา)
อย่ามาทำเป็นมีน้ำตาเพื่อมาต่อรองหัวใจ...อย่าเปลืองเวลาคร่ำครวญเล้ยยย นังอ้วน ตัวแสบ!

4 Comments:

Anonymous Anonymous said...

ใครทำน้องร้องไห้หละเนี่ย

หรือว่า คุณอาหนีไปเที่ยวไม่พาตินตินไปด้วย
ติน ติน เลยงอแงซะเลย

Sunday, August 07, 2005 8:25:00 PM  
Anonymous Anonymous said...

น่า ฉง ฉานน ... โธ่.ๆ

น้ำตานองหน้าเลย

R.CLiNTcaid

Sunday, August 07, 2005 10:09:00 PM  
Blogger solitary animal said...

เห็นใจตินตินกันเป็นแถวเลยอ่ะ แหม...ตินตินเจ้าบทบาทจะตายไป...ร้องไห้ไม่ถึง 2 นาที เดี๋ยวก็หัวเราะได้แล้วล่ะ :P

Monday, August 08, 2005 11:46:00 AM  
Anonymous Anonymous said...

โลกก้าวไกลลูกต้องก้าวให้ทัน..เชิญเรียนที่ม.รัตนบัณฑิต said...

"พิโถพิถัง ดูผาดๆเห็นทรงผมนึกว่าดาราเกาหลี ที่แท้ก็เป็นไอ้เจ้าตินตินนี่เอง 55555555"

--------------------------------

เนชั่นสุดสัปดาห์
ปีที่ 13 ฉบับที่ 619 วันที่ 12 -18 เม.ย. 2547

บันทึกจากข้างบาททาง / รอน แรมทาง

...ถ้าถามถึงปลายทางของการศึกษาเล่าเรียน

ใช่หรือไม่ว่า - - คำตอบคือ 'มหาวิทยาลัย'

"เรียนสูงๆ ไว้นะลูก..." ดูเหมือนเป็นประโยคคล้ายคาถาสำเร็จรูปสำหรับกล่อมเกลาบุตรธิดาของทุกครอบครัว

"จบแล้วจะไปสอบต่อเข้ามหา'ลัย ไหน?..." นี่ก็เสมือนเป็นประโยคปัจฉิมนิเทศน์จากครูบาอาจารย์ที่ถามเหล่าลูกศิษย์ชั้นเตรียมอุดมฯ

จริงอยู่ 'มหาวิทยาลัย' คือสถาบันการศึกษาขั้นสูงแห่งการประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้และหมายรวมถึงจริยธรรมของมนุษย์ - - แต่เป้าหมายการเข้ามหาวิทยาลัยของสังคมไทยในเวลานี้ อยู่ที่วิชาความรู้และจริยธรรมเช่นนั้นหรือ?!?...


: กัลกัตต้า, ประเทศอินเดีย :

...จำได้ว่า เช้าวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ เนื่องจากร้านรวงส่วนใหญ่หยุดพักค้าขายหนึ่งวัน

ความที่ผมไม่รู้ธรรมเนียมมาก่อน จึงหลงตื่นแต่เช้าแล้วเดินไปเตร็ดเตร่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศราวกับเป็นตลาดร้าง

ทว่า ขณะที่กำลังตัดสินใจจะเดินกลับที่พัก, เสียงใสๆ ของเด็กๆ ซึ่งดังมาจากมุมตึกด้านหนึ่ง ก็ดึงให้ผมเปลี่ยนทิศทาง

บนบาทวิถีกว้างประมาณร่วมห้าเมตร, เด็กชาย-หญิงวัยประถมต้นกว่าสามสิบคน ส่วนใหญ่นุ่งเสื้อผ้าชุดสีฟ้าหม่น นั่งกันเป็นระเบียบอยู่บนผ้าห่มเก่าๆ ที่ปูต่อกันเป็นผืนใหญ่ ทั้งหมดต่างมีสมุด-หนังสือคนละเล่ม และหันหลังให้ถนน จะมีก็เพียงครูสาวในชุดส่าหรีคนเดียวเท่านั้นที่หันหน้าออกมา

ผมเฝ้าดูพลางถ่ายรูปอย่างระมัดระวัง เพราะไม่อยากรบกวนสมาชิกของชั้นเรียนข้างถนน - - ผ่านไปร่วมชั่วโมง เด็กๆ เริ่มทยอยแยกย้ายจากไป

"...คุณมารับจ้างสอนพิเศษหรือ?" ผมถามครูสาว

"ก็ไม่เชิง... คือดิฉันเป็นอาสาสมัคร มาสอนเด็กๆ เฉพาะวันอาทิตย์... เด็กพวกนี้เป็นเด็กด้อยโอกาสจากครอบครัวยากจนที่อาศัยอยู่แถวนี้ ซึ่งปกติวันธรรมดาจะไม่ได้ไปโรงเรียน เพราะต้องช่วยครอบครัวทำมาหากิน..." เธอตอบ

"แล้วคุณสอนอะไรแก่เด็กเหล่านี้?"

"เป้าหมายหลักก็แค่ให้เด็กด้อยโอกาสได้อ่านออกเขียนได้... ส่วนเรื่องจะถึงขั้นได้เรียนชั้นสูงๆ หรือวิชาการอะไร คงเป็นเรื่องไกลเกินไป..."

ครับ... ผมเก็บรูปกับเรื่องนี้ไว้หลายปี และคิดว่าเป้าหมายของการเล่าเรียน บางทีมันก็ขึ้นอยู่กับมิติทางสังคมที่คนนั้นถือกำเนิด...


...ตัดฉากกลับมาที่บ้านของเรา

ทุกปีพอเข้าฤดูสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย มักมีข่าวเกี่ยวกับปริมาณผู้สมัครสอบกับจำนวนที่มหาวิทยาลัยสามารถรับเข้าศึกษา! และข่าวอีกข่าวที่มีควบคู่กันคือเรื่องวิธีทุจริตในการสอบ!!!

ทำไม 'มหาวิทยาลัย' จึงเป็นเป้าหมายปลายทางของการศึกษา? - - ข่าวพวกนั้นทำให้ผมตั้งคำถาม

แน่นอน - - 'มหาวิทยาลัย' คือสถาบันการศึกษาขั้นสูงแห่งการประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ . . . . ทว่า มันคือคำตอบที่ถูกทั้งหมดกระนั้นหรือ?!?, ผมสงสัย

สมมติว่า - - ต่อไปกรรมกรผู้ใช้แรงงานจะมีวุฒิการศึกษาสำเร็จปริญญาตรี มันคงเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง ถ้าวุฒิปริญญาที่ได้นั้นมิใช่ใช้เพื่อเป็นมาตรฐานสำหรับวัดค่าฐานะหน้าตาของความเป็นคนสังคม

แล้วจะเป็นเช่นนั้นได้หรือ?!? - - ผมสงสัยอีก

เมื่อสงสัยมาถึงตรงนี้ - - ผมเลยไม่สงสัยข้องใจข่าวที่กำลังเถียงกันว่าข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีนี้ รั่ว-ไม่รั่ว . . . . และถ้ารั่ว, รั่วไปให้บุตรธิดาของใคร!

เพราะดูเหมือนเป้าหมายการเข้ามหาวิทยาลัยในปัจจุบัน เราแยกเรื่องการศึกษากับจริยธรรมออกจากกันไปแล้ว

คิดดู - - คนที่มีอำนาจดูแลเรื่องพวกนี้ เขายังแยกปัญหาระหว่างการศึกษากับจริยธรรม อย่างชัดเจน . . . . เช่นนี้แล้ว, นอกจากใบปริญญา เราจะเอาอะไรกับเป้าหมายจากมหาวิทยาลัยกันเล่า?!?!?....

Tuesday, August 09, 2005 11:28:00 AM  

Post a Comment

<< Home

Gabu on Facebook