There are no coincidences in the universe.

Solitary Animal: Soul Mate

Thursday, April 07, 2005

Soul Mate

"soul mate" .....โตจนป่านนี้เจอกันบ้างหรือยังเอ่ย?

14 Comments:

Blogger solitary animal said...

ได้อ่าน "ทะเลาะกับหนัง" ของ พรพิมล ลิ่มเจริญ
เค้าพูดถึง soul mate เอาไว้ว่า....
"soul mate" จะเป็นเพื่อน เป็นคนรัก หรือเป็นคนรู้จักก็ได้ มีคุณสมบัติ คือป็น

1. ต้องเคยใช้ชีวิตชาติปางก่อนมาด้วยกัน
2. ครั้งแรกที่พบกันในชาตินี้ ต้องรู้สึกทันทีว่าคุ้นมากๆ มีอะไรบางอย่างสื่อถึงกัน รู้สึกสบายใจและไว้วางใจในทันที
3. เมื่อมีปัญหาแตกร้าว ก็เข้าใจกัน แก้ไขได้ด้วยกันโดยง่าย

"soul mate" มิใช่ "เนื้อคู่" แต่เพียงอย่างเดียว มีถึง 3 แบบด้วยกัน

แบบที่ 1 เรียกว่า Companion Soul Mates

คือคนที่เป็นเพื่อนก็ได้ เป็นครูก็ได้ เป็นเจ้านายก็ได้
เป็นคนแปลกหน้าผ่านมาเวลารถเสียแล้วช่วยซ่อมให้ก็ได้ ไม่คิดตังค์ ไม่ล่อลวงไปข่มขืน หรือเป็นคนที่ได้พบปะพูดคุยด้วยไม่กี่ครั้ง หรือเพียงครั้งเดียว
แต่เป็นแรงบันดาลใจส่งให้วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี เป็นคนที่เราจะได้พบในช่วงสั้นๆ ในชีวิต
เพราะชาติที่แล้วเราเคยช่วยเหลือกันมาก่อนในระยะเวลาจำกัด

แบบที่ 2 เรียกว่า Twin Soul Mates

คือคนที่เราเป็นเพื่อนกันมาหลายชาติแล้ว พอชาตินี้มาเจอกันอีกก็ได้เป็นเพื่อนกันอีก คล้ายๆ พวกที่1 แต่จะรู้สึกถึงมิตรภาพที่ผูกพันแนบแน่นกว่า แบบว่าสื่อถึงกันได้ทางโทรจิต คล้ายว่าเป็นฝาแฝดกันน่ะ พอได้รู้จักกันแล้วก็จะรับรู้ทุกข์สุขกันไปตลอดชีวิต ประมาณว่า ไม่ว่าจะอยู่ ณ แห่งหนไหนในโลก ก็รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าอีกคนกำลังรู้สึกอย่างไร

แบบที่ 3 เรียกว่า A Twin Flame Soul Mates

แบบนี้มีคนเดียว ส่วนมากจะเป็นเพศตรงข้าม ทั้งชีวิตนี้จะมีได้แค่คนเดียว เป็นคนที่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันมาหลายชาติภพแล้ว เป็นจิตวิญญาณของกันและกัน พอพบกันครั้งแรก จะเหมือนมีประจุไฟฟ้าแล่นเข้าหากัน ดังเหมือนมีมนต์ (มันจะมีอาการขนาดนั้นเลยเหรอ...เค้าเขียนเว่อร์ไปหรือเปล่าเนี่ย) จะรู้อยู่ลึกๆ ทันทีว่านี่คือเนื้อคู่แท้ๆ ต้องเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน


พวกที่เอะอะปิ๊งเอะอะปิ๊ง หม้อเบอร์ 50 ห้ามมั่วนิ่ม

ทั้งชีวิตที่ผ่านมาเคยเจอ Soul Mates กันบ้างมั้ย

Thursday, April 07, 2005 9:51:00 PM  
Blogger solitary animal said...

I Really Miss You,
My Friend


I really miss you
I have other friends
whom I talk to
but it's not
the same

You have such
a deep understanding
of who I am
I hardly have to
speak any words
and you know just
what I am saying
I really miss you
and I want to be sure
that you know
that no matter where I go
whom I meet
or what I do
I'll never find
as deep a friendship
with anyone as I
have with you

-Poem by Susan Polis Schutz

Friday, April 08, 2005 11:45:00 PM  
Anonymous Anonymous said...

...เคยได้ยินมาว่า











Soulmate ... นั้นไม่ต้องไปค้นหา ....










Once...เมื่อเจอ... มันจะอยู่ตรงนั้น !!!!!






(รอฟังประสบการณ์ของคนเจอ Soulmate อยู่เงียบๆน่ะ)

Sunday, April 10, 2005 5:12:00 PM  
Anonymous Anonymous said...

Sole mate เหรอ
ความรู้สึกนั้นเป็นเหมือนเพลงนี้เปล่าอะ




ให้มือไว้สองมือ ให้ตาไว้สองตา
และก็สร้างแขน ให้เราไว้คู่หนึ่ง
แต่ส่วนที่สำคัญ กลับมีเพียงข้างหนึ่ง
นั่นก็คือใจ ที่มันช่างเดียวดาย

* แต่(ก็)มีหลายคนบอกไว้
ที่จริงแล้วใจอีกหนึ่งใจ
ฟ้าก็สร้างให้เราไว้ แต่วางไว้แยกกัน

** ให้เราต้องตามหา ให้เราต้องมองหา
ให้เราคอยฟังเสียง อีกหัวใจที่หายไป
(ให้ฟังเสียงที่ร่ำร้อง ด้วยความรักจากหัวใจ)


## เมื่อไรที่ได้พบ ให้เอาทั้งสองมือไปกอดไว้
แล้วหัวใจ ที่หายไป ก็จะคู่กัน##

##ให้สองเรา และสองใจ นั้นได้รักกัน##

เราเดินมาพบกัน ในโลกที่กว้างไกล
สบตาครั้งไหน เราก็ใจสั่น
แปลกดีที่คุ้นเคย และสิ่งที่เหมือนกัน
นั่นก็คือใจ ที่เราต่างเดียวดาย

++++++++++++++++++++++++++++++

ใครตอบได้เนี่ย สง กะ สัย

Sunday, April 10, 2005 8:45:00 PM  
Anonymous Anonymous said...

เพลงที่ข้าพเจ้าเพิ่ง post ไป ชื่อเพลง
เพลง : หัวใจที่หายไป
ศิลปิน : ฟอร์ด
อัลบั้ม : My One

Soul mate คงเป็นเหมือนเพลงนะ คงอารมณ์ประมาณ ว่า

"เมื่อได้พบประสบพักตร์ ก็นึกรักสิเน่ย์หา" (เสน่หา)

ท่อนหนึ่งในโคลงกลอนเรื่อง ขุนช้างขุนแผน



พูดถึงเพลงแล้วก็ต้องกล่าวถึงหนังที่โดนกันบ้าง

เมื่อนึกถึงคำว่า Soul mate แล้วให้นึกถึงเรื่อง
What dream may come

หมอนั่น อะเป็นแบบฉบับของ Soul mate ในอุดมคติของข้าพเจ้าเลยอะ

ยอมที่จะตกนรก เพื่อให้หญิงที่รักหลุดจากขุมนรก จากผลกรรมที่ได้ฆ่าตัวเองตาย

"ให้อภัย ยอมรับ และเข้าใจ"


ROSELLE

Sunday, April 10, 2005 9:15:00 PM  
Anonymous Anonymous said...

" The bridge of the madison county "

" What dream may come "

หนังสือเรื่อง "คนกับเสือ" โดย เสกสรรค์ ประเสริฐกุล


และในหนังอีกหลายๆเรื่อง กะ ในหนังสืออีกหลายๆเล่ม ต่างมีเนื้อหาที่พาดพิง "Soul Mate" อยู่ ...


(ยังคงรอฟังอยู่อย่างเงียบๆน่ะ)

Sunday, April 10, 2005 10:30:00 PM  
Anonymous Anonymous said...

"บางทีชาติก่อนเราอาจจะเคยเป็นต้นไม้ที่ยืนต้นอยู่ใกล้ๆกัน ก็เป็นได้"

เคยคิดแบบนี้กับบางคนที่รู้สึกดีด้วย โดยไม่ต้องคุยกันหรือทำอะไรร่วมกัน แค่อยู่เฉยๆแบบใกล้ๆกันก็พอ

Sunday, April 10, 2005 11:53:00 PM  
Blogger solitary animal said...

ถ้าวิญญาณเดียวดำรง อยู่ ในสองร่าง ในร่างหนึ่ง ก็มี วิญญาณ อยู่ เพียง ครึ่งเดียว ที่ เหลือ ยังต้องค้น หาว่าสถิต อยู่ ใน ผู้ ใด ...

เมื่อพบทั้งสอง ฝ่ายคงจะรู้ และมันคง เป็นการสัมผัสที่ยิ่งใหญ่ ลี้ลับ และลึกซึ้ง เหนือ คำจำกัด ความ ทั้งหลาย ทั้งปวง...

มันคงเป็นการเคลื่อน เข้าหากันมากกว่าการติดตามไขว่คว้า เป็นบทเพลง แห่ง ความเงียบที่กึกก้อง อยู่ ใน ส่วนลึก สุดของ หัว ใจ เป็นปรากฏการณ์ ระดับ เอกภพที่ ซึมลึกลง สู่อณู แห่ง ความรู้ สึก...

11/04/05

Monday, April 11, 2005 3:41:00 PM  
Blogger solitary animal said...

September 10, 1965

Dear Francesca,

Exclosed are two photographs. One is the shot I took of you in the pasture at sunrise. I hope you like it as much as I do. The other is of Roseman Bridge before I removed your note tacked to it.

I sit here trolling the gray areas of my mind for every detail, every moment, of our time together. I ask myself over and over, "What happened to me in Madison County, Iowa?" And I struggle to bring it together. That's why I wrote the little piece, "Falling from Dimension" I have enclosed, as a way of trying to sift through my confusion.

I look down the barrel of a lens, and you're at the end of it. I begin work on an article, and I'm writing about you. I'm not even sure how I got back here from Iowa. Somehow the old truck brought me home, yet I barely remember the miles going by.

A few weeks ago, I felt-contained, reasonably content. Maybe not profoundly happy, maybe a little lonely, but at least content. All of that has changed.

It's clear to me now that I have been moving toward you and you toward me for a long time. Though neither of us was aware of the other before we met, there was a kind of mindless certainty umming blithely along beneath our ignorance that ensured we would come together. Like two solitary birds flying the great prairies by celestial reckoning, all of these years and lifetimes we have been moving toward one another.

The road is a strange place. Shuffling along, I looked up and you were there walking across the grass toward my truck on an August day. In retrospect, it seems inevitable-it could not have been any other way--a case of what I call the high probability of the improbable.

So here I am walking around with another person inside of me. Though I think I put it better the day we parted when I said there is a third person we have created from the two of us. And I am stalked now by that other entity.

Somehow, we must see each other again. Any place, anytime.

Call me if you ever need anything or simply want to see me. I'll be there, pronto. Let me know if you can come out here sometimes--anytime. I can arrange plane fare, if that's a problem. I'm off to southeast India next week, but I'll be back in late October.

I love you,
Robert

P.S. The photo project in Madison County turned out fine. Look for it in NG next year. Or tell me if you want me to send a copy of the issue when if's published.

Tuesday, April 12, 2005 3:33:00 PM  
Blogger usa said...

i may have found two soul mates, one is my sister and the other is a boy.

one might question how a sister can be a soul mate when the connection may have come from the bloodline. i'm sure you have heard stories about violence within families and that proves not every family member can be your soul mate. i don't know if we've spent our lives together in our previous lives but i could feel the connection between us. even though we live half a world apart, i still feel she's always here with me. i just want her to be happy for whatever life she chooses, and i'm sure she feels the same way for me.

a boy, i've never searched for him. one day, a mutual friend introduced us. i actually didn't feel the connection right away. it comes gradually. at the very beginning when we were just friends, i felt so comfortable just sitting next to him. and now, a few years have passed, my feeling has developed. it becomes trust, comfort, and understanding. we have been through a lot things and i learned from it. i don't take him for granted and live everyday appriciating the times we have together. all i want is for him to be happy no matter what.

yah, my story, i hope it doesn't sound too cheesy. :)

Thursday, April 21, 2005 1:23:00 AM  
Anonymous Anonymous said...

เรื่อง ประเภทของ คู่

1. คู่บุพเพสันนิวาศ
เรียกว่ามีน้อยคนมากที่จะเจอ เป็นคู่ที่เกิดมาร่วมบุญกุศลแห่งความดีต่อกันจึงเกิดติดตามกันมา

2. คู่แท้
น้อยคนที่จะเจอ เป็นคู่ที่ร่วมบุญปรุงแต่งกันมา

3. คู่ทั่วไป
เป็นคู่ที่ร่วมกระทำแต่ความดี แต่ก็มีกรรมทุกข์บ้าง

4. คู่ทุกข์คู่ยาก เป็นคู่ที่เป็นลักษณะที่เคยร่วมกรรม เคยช่วยเหลือกันมา

5. คู่ครอง มีกันทุกๆ คน มีทั้งคู่ครองดี และไม่ดี ขึ้นอยู่กับว่าใครกระทำกรรมมาอย่างไร กรรมดีเจอคนดี ทำกรรมไม่ดีก็ต้องเจอแต่คนที่สร้างความทุกข์ให้กับเรา เหมือนหลายคนที่เจอแล้วก็เจออีก

6. คู่กรรม ซึ่งไม่ต่างจากคู่ครองมากนัก คือเกิดมาต้องอยู่ร่วมกัน แต่มีทั้งความทุกข์ และอุปสรรค ว่าจะดีก็ไม่ดี สุดท้ายก็จบที่ไม่ดีเพราะกรรมเคยทำมา


**ผ่านพ้นจึงค้นพบ**

Friday, April 29, 2005 4:31:00 PM  
Anonymous Anonymous said...

"ในม่านหมอก"

ในม่านหมอก..ฉันออกเดินชมความงามในยามเช้า
ริมชายป่าลมหนาวพัดมาบางเบา
ตรงนั้นกวางตัวหนึ่งยืนเล็มหญ้าอยู่เงียบเชียบ
ฉันอยากเดินเข้าไปชื่นชมความน่าชังของมันใกล้ ๆ
แต่ฉันรู้ว่ามันมีช่องว่างระหว่างเรา

ฉันจึงหยุดยืนดูอยู่กับที่
เพราะหากฉันยิ่งเข้าใกล้เท่าใด
มันก็ยิ่งหนีห่างออกเท่านั้น

เพราะช่องว่างระหว่างมนุษย์และสัตว์
มันมีระยะห่างที่ชัดเจน

อาจเพราะบาดแผลในใจที่มนุษย์ได้สร้างสมไว้ให้กับสัตว์ป่ามาเนิ่นนาน
อาจตั้งแต่เริ่มมีมนุษย์คนแรกนั่นกระมัง

สำหรับช่องว่างระหว่างมนุษย์กับมนุษย์นั้นเล่า
หากมิเคยสร้างรอยแผลใดๆ ให้แก่กัน
ช่องว่างระหว่างความแปลกหน้า
ย่อมมีโอกาสชิดกันได้มิใช่หรือ
หากทั้งสองพึงใจที่จะมีมิตรภาพต่อกัน

กวางยืนเล็มหญ้าอยู่ตรงนั้นจนพอใจ
แล้วจึงเดินห่างออกไป
ฉันเดินแยกมาอีกทาง...เราต่างเดินลับหายไป

....ในสายหมอก.....


ROSELLE

Friday, April 29, 2005 11:54:00 PM  
Anonymous Anonymous said...

เหงา...เข้าใจ

ไม่ได้หยิ่ง ไม่จริง ไม่ได้ก่อกำแพงเอาไว้
ไม่รังเกียจถ้าใครจะเดินเข้ามาทั้งนั้น

* ( เพราะ ) ก็ฉันมันคนหัวใจมีแผล
อาการแย่มาเมื่อวาน วันนี้แค่ยังหวั่นหวั่น
ไม่อยากหางานให้ใจ

** อยู่คนเดียวมันเหงาเท่าไหร่
ดีกว่าคนใจร้ายเข้ามา มาทำให้เจ็บ
ให้มีน้ำตาให้ผิดหวังฟรีฟรี

อยู่คนเดียวมันเหงา...เข้าใจ
ก็ประคองตัวไปอย่างนี้

ถ้าเจอไม่ดี ไม่มีคงปลอดภัยซะกว่า
ไม่ได้ปิดประตู ก็ยังเปิดเปิดอยู่วันนี้
ไม่รังเกียจคนดีดี แต่คงต้องดูนานนาน

* ( เพราะ ) ก็ฉันมันคนหัวใจมีแผล
อาการแย่มาเมื่อวาน วันนี้แค่ยังหวั่นหวั่น
ไม่อยากหางานให้ใจ

Saturday, April 30, 2005 9:25:00 AM  
Anonymous Anonymous said...

ถ้า soul maid แยกเป็นประเภทอย่างที่ว่ามา ฉันว่าฉันคงเจอแล้วหล่ะ ทั้งแบบ Companion Soul Mates ที่ว่าผ่านเข้ามาแล้วทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลง และ Twin Soul Mates ที่ว่าสามารถสื่อถึงทุกข์และสุขของกันและกันได้แม้อยู่ห่างไกล เข้าใจได้เมือมองตา แล้วมันก็ไม่ต้องค้นหาเลยอย่างที่ Clint ว่า เพราะมันจะรู้ได้เองเมื่อเวลามาถึง และมันทำให้เราจดจำฝั่งใจ แม้เวลาจะผ่านไป

Wednesday, September 07, 2005 11:01:00 AM  

Post a Comment

<< Home

Gabu on Facebook