There are no coincidences in the universe.

Solitary Animal: The Art of Self Consolation

Thursday, April 28, 2005

The Art of Self Consolation


ศิลปะการปลอบใจตัวเอง
-ศ.ดร.น.พ.วิทยา นาควัชระ

คนที่ประสบความสำเร็จและมีความสุขทั้งหลายในโลก
ล้วนมีศิลปะและวิธีปลอบใจตัวเองทั้งนั้น
การปลอบใจตัวเองไม่ใช่เป็นเรื่องของคนขี้แพ้หรืออ่อนแอเลย
แต่เป็นกลไกชีวิตที่ทุกคนควรมีและฝึกให้ชำนาญ
การปลอบใจตัวเองได้นั้นเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะก้าวไปสู่
การให้กำลังใจตัวเองและการสร้างความเชื่อมั่นตัวเองต่อไป
แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ แค่รู้จักปลอบใจตัวเองได้ก็มีความสุขมากแล้ว

(Source: Boss Magazine column "Life & Love")

13 Comments:

Blogger solitary animal said...

1. จิตใจต้องการการปลอบ

จิตใจมนุษย์มีส่วนของความอ่อนแอและแข็งแกร่งปนอยู่ด้วยกัน เช่น...
ผู้หญิงบางคนเป็นคนจิตใจอ่อนโยน อ่อนแอ สงสารสัตว์ ชอบทำบุญ ไม่ชอบความก้าวร้าวรุนแรง
แต่ทำไมพอรู้ว่าแฟนมีชู้ จึงเอาปืนไปยิง หรือเอามีดไปฆ่าแฟนได้
นั่นก็คือ ในจิตใจของมนุษย์มีทั้งสัญชาตญาณของการอยากมีชีวิตอยู่ (Live Instinct)
และสัญชาตญาณของการทำลาย (Death Instinct) ทั้ง 2 สัญชาตญาณนี้จะปะปนกันอยู่ทุกขณะ
และแสดงออกได้เสมอตามสิ่งเร้าและทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไป

จิตใจของมนุษย์จึงต้องการการปลอบเพื่อให้เกิดสมดุล

ถ้าจิตอยู่ในส่วนที่อ่อนแอเกินไป ก็ต้องการการปลอบให้เข้มแข็งขึ้น
ถ้าจิตอยู่ในส่วนที่แข็งกร้าวกระด้างเกินไป ก็ต้องการการปลอบให้อ่อนโยนลง

ไม่เช่นนั้นมนุษย์จะเสียสมดุลในการดำเนินชีวิต คือจะมีส่วนที่อ่อนแอ อ่อนโยนมากเกินไป
หรือมีส่วนที่กร้าวกระด้าง โหดร้ายมากไป จึงไม่ดีทั้งสองอย่าง

(โปรดติดตามตอนต่อไป – “ใครคือคนปลอบใจ”)

Thursday, April 28, 2005 11:33:00 PM  
Anonymous Anonymous said...

มาจองที่นั่ง ริงไซด์ ... รอจด เหล็กเฌอ อีกตามเคย อิอิ ...

Friday, April 29, 2005 9:23:00 AM  
Blogger solitary animal said...

2.ใครคือคนปลอบใจ

ตอนเป็นเด็กๆ ก็ได้พ่อแม่ช่วยปลอบใจ ซึ่งก็มีทั้งถูกใจและไม่ถูกใจ...
โตขึ้นมาก็มีครู อาจารย์ เพื่อน คนรัก ซึ่งก็เช่นเดียวกัน มีทั้งที่ปลอบได้ถูกใจและไม่ถูกใจ
บางคนปลอบไม่เป็นยิ่งเหมือนยุให้ก้าวร้าวหรืออ่อนแอมากขึ้น

Friday, April 29, 2005 10:55:00 PM  
Blogger solitary animal said...

3. การปลอบใจตัวเองสำคัญกว่า

การจะหาใครซักคนมาปลอบใจตัวเองนั้น หาได้ยากมาก หรือหาไม่ได้...

ก็อย่าท้อแท้ ผิดหวังไปเลย หันมาใช้วิธีปลอบใจตัวเองดีกว่า และฝึกไว้เสมอๆ จนชำนาญ

เคยดูสารคดีเกี่ยวกับคนเป็นโรคเอดส์ที่เขาจัดตั้งโครงการช่วยคนเป็นเอดส์ด้วยกัน บางคนออกมาจัดคอนเสิรต์ช่วยเหลือกันเอง บางคนแรกๆ ก็ปิดตัวด้วยความอาย และกลัวตาย หมดกำลังใจ แต่แล้วก็เปิดเผยตัวเองกับครอบครัวและใช้ชีวิตตามปกติ ทำงานและช่วยปลอบใจคนอื่นไปด้วย ปรากฏว่าเขามีชีวิตอยู่ได้ยาวนานขึ้น

จิตใจของมนุษย์นั้น สามารถปลอบให้เชื่องได้ ถ้าได้รับการปลอบให้เป็น ทั้งโดยตัวเองหรือจากสิ่งแวดล้อม จากนั้น...

ใจจะมีพลัง...

อยากมีชีวิตอยู่...

อยากสร้างสรรค์...

ทำให้เกิดภูมิต้านทานชีวิต ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

(โปรดติดตามตอนต่อไป - "แนวทางการปลอบใจตัวเอง")

Friday, April 29, 2005 11:04:00 PM  
Blogger usa said...

listening.....

Friday, April 29, 2005 11:47:00 PM  
Blogger solitary animal said...

4.แนวทางการปลอบใจตัวเอง

ถ้าเรารู้ว่าตัวเองกำลังอ่อนแอ จนไม่อยากทำกิจกรรมประจำวันเหมือนเดิม
หรือเริ่มก้าวร้าวกับตัวเองและคนอื่น จนคิดว่าจะอยู่ตอไปได้ลำบาก แสดงว่าท่านกำลังต้องการการปลอบใจแล้ว

ลองนึกถึงกิจกรรมหรือวิธีดังต่อไปนี้ดูซิครับ

1. สัมผัสตัวเองแบบมิตร
ลองจับมือตัวเอง บีบเบาๆ สำรวมใจคิดว่าตัวเองเป็นมิตรที่ดีของตัวเอง สัมผัสที่ดีของตัวเองจะผ่อนคลายความตึงเครียด และสัญชาตญาณที่มากเกินไปทั้งสองอย่างนั้นลงได้

2. กล่าวแบบเป็นมิตรกับตัวเอง
ให้กล่าวกับตัวเองเบาๆ หรือในใจว่า

“ฉันเป็นเพื่อนตัวเองได้นะ”

และ “ฉันจะรักชีวิตของฉันให้ได้”

เมื่อสงบใจได้แล้ว ลองกล่าวประโยคที่ว่า

“ไม่มีใครรักฉันเท่าตัวฉัน”

“ไม่มีใครรักฉันเท่าตัวฉันหรอก”

ทั้งสองประโยคนี้เป็นความจริง ซึ่งฟังตอนแรกๆ อาจจะใจหาย แต่เมื่อกล่าวประจำบ่อยๆ จะทำให้รู้สึกว่า...ตัวเองจะต้องรักและพึ่งพาตัวเองให้ได้...จะลดความอยากได้ความรักหรือความช่วยเหลือจากคนอื่นลง

Sunday, May 01, 2005 7:49:00 PM  
Blogger solitary animal said...

3. หาวิธีลดความคาดหวัง

ลดความต้องการลง ความทุกข์และความผิดหวังจากความคาดหวังที่มากก็จะลดน้อยลง

สิ่งที่เราอยากได้มากๆ มักได้แก่--

อำนาจ

ชื่อเสียง

เงินทอง

ตำแหน่ง

เซ็กส์

อาหาร

ความสมบูรณ์ของรูปร่าง

หน้าตา

...ซึ่งได้มาเท่าไร หรือมีเท่าไร ก็ไม่เคยพอ

ยุคนี้มีคนต้องการคนเก่งมากๆ คนดีมากๆ ความสุขมากๆ ด้วย...

ถ้าใครต้องการสิ่งเหล่านี้มากเท่าไร ก็จะยิ่งไม่ได้ หรือได้มาก็ไม่สมใจมากเท่านั้น ทำให้ทุกข์มากขึ้น

Sunday, May 01, 2005 7:54:00 PM  
Blogger solitary animal said...

4. ลดอัตตาตัวเองลงด้วย

ถ้าใครมีอัตตาหรืออีโก้ หรือความหยิ่งในตัวเอง ความคิดถึงตัวเองเสมอๆ จะทำให้เกิดความทุกข์ได้ง่าย ต้องพยายามลดลง


ปล. ยังเหลืออีก 2 ข้อจ้า แล้วจะมาพิมพ์ต่อให้อีกในไม่ช้า หากเพื่อนๆ คนไหน มีโอกาสได้นำวิธีการเหล่านี้ไปใช้ อย่าลืมมาเล่าให้ฟังกันบ้างว่าได้ผลเช่นไร...วันนี้คุณปลอบใตตัวเองหรือยัง? :)

Sunday, May 01, 2005 7:59:00 PM  
Anonymous Anonymous said...

พออ่านจบ...รู้สึกว่า แท้จริงแล้ว ตัวเองต้องการการปลอบ แหงๆๆ...

ลองทำตามดูแล้ว...อืมม์ บีบมือเบาๆ

"ฉันเป็นเพื่อนกะตัวเองได้"





...รู้สึกเหมือนตัวเองได้พบกับจิตแพทย์




ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ...ยังคงนั่งรอ บทความต่อไป แต่ อยากจะเขยิบจากที่นั่งริงไซด์ ไปนั่งชมอยู่ที่มุมสงบๆบนอัฒจรรย์...(รู้สึกสงบๆ)

R.Clintcaid

Sunday, May 01, 2005 9:40:00 PM  
Blogger solitary animal said...

5. ทำกิจกรรมที่ดีๆ ต่อไป

อย่าอยู่ลำพัง ลุกขึ้นจากที่นอนหรือเก้าอี้ ล้างมือล้างหน้า หรืออาบน้ำ จินตนาการให้ความเย็นของน้ำล้างอารมณ์ที่ไม่ดีออกไป แล้วก้าวออกนอกบ้านเพื่อทำอะไรบางสิ่งบางอย่าง (ผมใช้คำว่า do something) เช่น ไปสวนสาธารณะเพื่อเดินเร็วๆ หรือวิ่งช้าๆ แล้วใช้พฤติกรรมข้อ 1 และ 2 ไปด้วย

ถ้าจะฟังเพลง ให้ฟังเพลงที่ปลอบใจ ไม่ใช่ซ้ำเติม

Monday, May 02, 2005 1:01:00 PM  
Blogger solitary animal said...

6. สร้างสติและปัญญา

ให้มองเพื่อนมนุษย์ทุกคน ทั้งที่รู้จักหรือไม่รู้จักด้วยสายตาแบบพุทธ คือให้เชื่อว่าทุกคนเกิดมามีกรรมที่ทำมาในอดีตติดตัวแล้วทั้งนั้น จึงต้องเกิดมาเป็นมนุษย์ และต้องมีทุกข์จากกรรมที่เคยทำเอาไวในอดีตทุกข์

ความทุกข์นั้นจะมีมากน้อยต่างกันตามกรรมที่ได้กระทำมา ไม่มีใครไม่มีความทุกข์ และความทุกข์จากกรรมนั้น ต้องชดใช้เอง จะรับกรรมหรือรับความทุกข์แทนกันไม่ได้

ฉะนั้น ทุกคนก็จะต้องผิดหวังบ้างในเรื่องต่างๆ และเราไม่ใช่คนเดียวที่ผิดหวังหรือมีทุกข์หรอก

บางคนทุกข์บางอย่าง บางคนทุกข์หลายๆ อย่าง

เมื่อมีทุกข์แล้ว ต้องยอมรับทุกข์ หลีกหนีไม่ได้ และให้รีบทำกรรมดีให้มากๆ ขึ้นทันที เพื่อให้ชีวิตในอนาคตดีขึ้นตามหลักกฏแห่งกรรม

การทำความดีในทางพุทธศาสนากล่าวถึง การให้ทาน การรักษาศีล และการภาวนา หรือการทำสมาธิให้เกิดสติและปัญญาควบคู่ไปด้วย

ถ้าเป็นการทำความดีในแบบของผมก็คือ
ก) รักตัวเองให้เป็น
ข) ช่วยตัวเองให้มากขึ้นเต็มที่ทุกด้าน ได้แค่ไหนก็แค่นั้น ถือว่าเก่งมาก ดีมากแล้ว
ค) รักคนอื่นให้มาก
ง) ช่วยคนอื่นให้มากขึ้น

ลองทำดูเถิด โดยเฉพาะในยามทุกข์และต้องการการปลอบใจ โดยให้ปลอบใจตัวเองให้ได้

เราจะเกิดพลังของความอยากอยู่ (Live Instinct) และใช้ชีวิตตามปกติต่อไป พร้อมทั้งอยากทำกรรมดีมากขึ้นซึ่งเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น เกิดความสันติสุขร่วมกันมากขึ้น ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

Monday, May 02, 2005 1:03:00 PM  
Blogger solitary animal said...

หมดเพียงเท่านี้แล้ว หวังว่าเพื่อนๆ คงจะได้รับอะไรดีๆ บ้างไม่มากก็น้อยจากบทความข้างต้นจ้า :)

ขอขอบคุณ R.Clintcaid & Usa และเพื่อนๆ ท่านอื่นที่เข้ามา blog แห่งนี้ทำให้เรารู้สึกอยากจะแบ่งปันสิ่งดีๆ ร่วมกันอีกในโอกาสหน้าต่อๆ ไป

อย่างนึงที่เรารู้สึกเห็นด้วยกับบทความนี้ก็คือ---

การปลอบใจตัวเองไม่ใช่เป็นเรื่องของคนขี้แพ้หรืออ่อนแอเลย

แต่เป็นกลไกชีวิตที่ทุกคนควรมีและฝึกให้ชำนาญ

การปลอบใจตัวเองได้นั้นเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะก้าวไปสู่ การให้กำลังใจตัวเองและการสร้างความเชื่อมั่นตัวเองต่อไป (จริงมั๊ย?)

May the force be with you all.

Warm wishes,
- Solitary Animal

Monday, May 02, 2005 1:05:00 PM  
Anonymous Anonymous said...

Thank you for this good self-healing article.



I might need to heal a lot more ... Ha ha ha !


"Give it away...give it away...give it away..nnowwwwwww"


R.CLINTcaid

Tuesday, May 03, 2005 11:01:00 AM  

Post a Comment

<< Home

Gabu on Facebook