กะลาภิวัตน์ แบ่งการนำเสนอเป็น 5 องก์ ไม่รวมบทนำ และบทสรุป ในบทนำนั้นแนะนำหนังสือชื่อ The Chaos Point ให้ชื่อพากย์ไทยว่า "โลกเข้าสู่ทางสองแพร่ง" ของเออร์วิน ลาสซโล (Ervin Laszlo) เนื่องจากผู้สกัดเนื้อหาทั้งสองเห็นว่าเป็นหนังสือที่ครอบคลุมประเด็นกรอบหนังสือกะลาภิวัตน์ไว้ได้ ต่อจากนั้นในอีก 5 ภาคที่ตามมาเป็นการไล่เรียงผลและบทเรียนจากอดีต วิวัฒนาการและปัญหาใหญ่ ๆ ในปัจจุบันและแนวคิดสำคัญ เช่น Guns, Germs and Steel ชะตากรรมของสังคมมนุษย์ Underdevelopment Is a State of Mind (ความด้อยพัฒนาเป็นภาวะทางจิต) An Inconvenient Truth (ความจริงที่ไม่มีใครอยากฟัง) ผลงานของอัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ที่หันมาเอาดีทางการรณรงค์ปัญหาโลกร้อนอย่างเอาจริงเอาจังในหลายปีหลัง
บทสรุปสุดท้ายของกะลาภิวัตน์ คือหนังสือเรื่อง The Tipping Point (จุดพลิกผัน) ของมัลคอล์ม แกลดเวลล์ นักเขียนประจำนิตยสาร The New Yorker ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Time ฉบับประจำปี 2005 ให้เป็นหนึ่งใน 100 บุคคลอันทรงอิทธิพลของโลก และคำว่า "tipping point" กลายเป็นคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวันของฝรั่ง
10 Comments:
วันนี้มีหนังสือดีๆ เล่มใหม่ล่าสุด จากสำนักพิมพ์ โอ้ พระเจ้า มาแนะนำกัน กะลาภิวัตน์
ขออนุญาตคัดมาให้อ่านกันเล็กน้อย
-ที่มา Thairath Book Online (18 มี.ค.50)
กะลาภิวัตน์ สกัดโดย ดร.ไสว บุญมา และ พญ.นภาพร ลิมป์ปิยากร พิมพ์ครั้งที่ 1 2550, สำนักพิมพ์ โอ้ พระเจ้า พับลิชชิ่ง หนา 350 หน้า ราคา 250 บาท
หนังสือบนโลกมีมากมายหลายประเภท แต่หนังสือเล่มนี้มีแนวคิดหลักอยู่ที่การแปลและย่อความเนื้อหาหนังสือแต่ละเล่มที่เลือกแล้วว่ามีประโยชน์กับผู้อ่าน นำเอาสาระมาเล่าใหม่อย่างง่าย ๆ
ผู้เขียนทั้งสองสกัดสาระสำคัญของหนังสือภาษาต่างประเทศ ที่เป็นหนังสือขายดีและเป็นที่รู้จักในระดับโลก 23 เล่มมาให้อ่านกันได้อย่างง่ายดาย ทั้งหมดของหนังสือเล่มนี้เคยปรากฏอยู่ในคอลัมน์ "ผ่ามันสมองของปราชญ์" ในประชาชาติธุรกิจ
กะลาภิวัตน์ แบ่งการนำเสนอเป็น 5 องก์ ไม่รวมบทนำ และบทสรุป ในบทนำนั้นแนะนำหนังสือชื่อ The Chaos Point ให้ชื่อพากย์ไทยว่า "โลกเข้าสู่ทางสองแพร่ง" ของเออร์วิน ลาสซโล (Ervin Laszlo) เนื่องจากผู้สกัดเนื้อหาทั้งสองเห็นว่าเป็นหนังสือที่ครอบคลุมประเด็นกรอบหนังสือกะลาภิวัตน์ไว้ได้ ต่อจากนั้นในอีก 5 ภาคที่ตามมาเป็นการไล่เรียงผลและบทเรียนจากอดีต วิวัฒนาการและปัญหาใหญ่ ๆ ในปัจจุบันและแนวคิดสำคัญ เช่น Guns, Germs and Steel ชะตากรรมของสังคมมนุษย์ Underdevelopment Is a State of Mind (ความด้อยพัฒนาเป็นภาวะทางจิต) An Inconvenient Truth (ความจริงที่ไม่มีใครอยากฟัง) ผลงานของอัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ที่หันมาเอาดีทางการรณรงค์ปัญหาโลกร้อนอย่างเอาจริงเอาจังในหลายปีหลัง
บทสรุปสุดท้ายของกะลาภิวัตน์ คือหนังสือเรื่อง The Tipping Point (จุดพลิกผัน) ของมัลคอล์ม แกลดเวลล์ นักเขียนประจำนิตยสาร The New Yorker ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Time ฉบับประจำปี 2005 ให้เป็นหนึ่งใน 100 บุคคลอันทรงอิทธิพลของโลก และคำว่า "tipping point" กลายเป็นคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวันของฝรั่ง
การสกัดสาระหลักของหนังสือต่างประเทศที่ยังไม่ได้มีการแปลเป็นไทยอาจเป็นทางลัดช่วยให้คนที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงได้เปิดมุมมองความคิดที่แปลกใหม่ แหวกออกไปจาก "กะลา"เดิมได้บ้าง แต่บางเล่มในหนังสือเล่มนี้ก็มีแปลเป็นภาษาไทย อย่าง Guns, Germs and Steel ก็มีผู้แปลเป็นภาษาไทยทั้งเล่มแล้ว หากหนอนหนังสือท่านใดสนใจก็ลองหาตามร้านกันดู เพื่อจะได้อรรถรสเต็ม ๆ จากการอ่านด้วยตนเอง
เชิญแวะไปอุดหนุนกันได้ที่บูธ สำนักพิมพ์ โอ้ พระเจ้า O 30 โซน C1 ค่ะ
ปล. ตอนนี้เราอ่านอย่างช้าๆ ทว่ามั่นคงมาถึงองก์ที่ 5(ซึ่งเป็นองก์สุดท้ายแล้ว--ตั้งใจอ่านมากก็เลยอ่านช้าไปนิด) บอกได้เลย..เราเชื่อเหมือนที่สำนักพิมพ์เชื่อว่า อย่างน้อยที่สุด หนังสือเล่มนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบต่อสิ่งที่ผู้คนเฝ้าถามและมีส่วนที่จะทำให้โลกเบี้ยวๆ ใบนี้น่าอยู่ขึ้น :)
อ่านกะลาฯ จบหลายวันแล้ว แวะมาแจ้งอีกครั้งว่า หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่สมควรหามาอ่านเพื่อเพิ่มเติมอาหารสมองเป็นอย่างยิ่ง!
เข้มข้นไปด้วยสาระ ที่สะท้อนภาพตั้งแต่ครั้งอดีต จากระดับมหภาพมาจนถึงระดับปัจเจก และเชื่อมโยงมาถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งการทำความเข้าใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดกับโลกในอนาคตอันใกล้ (จะล่มสลายหรือจะวิวัฒน์ไปสู่สันติสุข?!?!?)
อย่าลืมแวะไปอุดหนุนกันนะคะ (ในงานหนังสือที่บูธ โอ้ พระเจ้า ราคาเล่มล่ะ 200 บาทเท่านั้น)
ปล. ที่กระทบใจและอยากหาฉบับเต็มมาอ่านคือเรื่อง ต้นทุนของความร่ำรวย (The Price of Privilege) กับ ก้าวหน้าแต่ว่าไร้สุข (The Progress Paradox)อ่ะ
เชียร์ขนาดนี้ สงสัยต้องลองหามาอ่านบ้างแล้ว (เล่มเดิมยังอ่านไม่จบเลย แต่พอเข้าใจmain ideaแล้วละ)
วันนี้วันสุดท้ายแล้วค่ะ สำหรับงานหนังสือ แวะไปอุดหนุนเล่มนี้ด้วยนะคะ คุณ blue sea สำหรับการสะสมทุนทางปัญญาและส่งมอบกำลังใจแด่คนทำหนังสือ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ!
ซื้อแล้ว 200...แต่ยังอ่านไม่จบดีนะ อ่านผ่านๆ บางบทที่ (คิดว่า)อ่านง่าย แต่โดยภาพรวมก็อ่านไม่ยากคะ สนุกกว่าเรื่องที่ผ่านมาของสำนักพิมพ์นี้ เออ...ดูแล้วคิดถึงรายการกบนอกกะลา ไม่รู้ซินะดูภาพหน้าปก ชื่อเรื่อง แล้วรู้สึกเกี่ยวๆ กัน อยากให้กำลังใจผู้ทำ แต่อยากให้ดูเรื่องการเว้นวรรคบ้างคะ (คือตอนนี้ก็ไม่หนังสืออยู่ในมือที่พอจะยกตัวอย่างบางประโยคได้นะคะ)
ขอบคุณผู้มีอุปการะคุณข้างบนนี้แทนสำนักพิมพ์ด้วยค่ะ ยังไงจะช่วยเป็นสื่อกลางส่งผ่าน comment อันมีค่าไปให้กองบ.ก.นะคะ :)
ฝากเพื่อนซื้อเรียบร้อยแล้วครับ ไว้อ่านจบจะบอกว่าชอบหนังสือเล่มนี้อย่างไร ขอบคุณที่แนะนำหนังสือดีๆครับ
blue sea
อ่านเกือบๆจะจบแล้ว
อ่านไปก็ถอนใจไป รู้สึกอนาคตมืดมนจัง
ยิ่งอีตอนที่กล่าวถึงประเทศที่ล่มสลายและประเทศที่อยู่รอด
ดูๆแล้วปัจจัยแห่งความล่มสลายเนี่ย ประเทศเราก็มีกับเขาเกือบๆทุกข้อเลยนะเนี่ย
ได้แต่หวังว่ามันคงไม่สายเกินไป ที่ทุกๆคนจะตระหนักและช่วยกันแก้ไข
...ก่อนที่กบต้มจะสุกเสียก่อน....
...
...
...
...
อืมม์ ไม่สิ้นหวัง ไม่สิ้นหวัง ไม่สิ้นหวัง
โลกสวยด้วยมือเรานะ คุณ anonymous
Post a Comment
<< Home