There are no coincidences in the universe.

Solitary Animal: กะลาภิวัตน์ (Galalization)

Monday, April 02, 2007

กะลาภิวัตน์ (Galalization)





10 Comments:

Blogger solitary animal said...

วันนี้มีหนังสือดีๆ เล่มใหม่ล่าสุด จากสำนักพิมพ์ โอ้ พระเจ้า มาแนะนำกัน กะลาภิวัตน์

ขออนุญาตคัดมาให้อ่านกันเล็กน้อย

-ที่มา Thairath Book Online (18 มี.ค.50)

กะลาภิวัตน์ สกัดโดย ดร.ไสว บุญมา และ พญ.นภาพร ลิมป์ปิยากร พิมพ์ครั้งที่ 1 2550, สำนักพิมพ์ โอ้ พระเจ้า พับลิชชิ่ง หนา 350 หน้า ราคา 250 บาท


หนังสือบนโลกมีมากมายหลายประเภท แต่หนังสือเล่มนี้มีแนวคิดหลักอยู่ที่การแปลและย่อความเนื้อหาหนังสือแต่ละเล่มที่เลือกแล้วว่ามีประโยชน์กับผู้อ่าน นำเอาสาระมาเล่าใหม่อย่างง่าย ๆ



ผู้เขียนทั้งสองสกัดสาระสำคัญของหนังสือภาษาต่างประเทศ ที่เป็นหนังสือขายดีและเป็นที่รู้จักในระดับโลก 23 เล่มมาให้อ่านกันได้อย่างง่ายดาย ทั้งหมดของหนังสือเล่มนี้เคยปรากฏอยู่ในคอลัมน์ "ผ่ามันสมองของปราชญ์" ในประชาชาติธุรกิจ



กะลาภิวัตน์ แบ่งการนำเสนอเป็น 5 องก์ ไม่รวมบทนำ และบทสรุป ในบทนำนั้นแนะนำหนังสือชื่อ The Chaos Point ให้ชื่อพากย์ไทยว่า "โลกเข้าสู่ทางสองแพร่ง" ของเออร์วิน ลาสซโล (Ervin Laszlo) เนื่องจากผู้สกัดเนื้อหาทั้งสองเห็นว่าเป็นหนังสือที่ครอบคลุมประเด็นกรอบหนังสือกะลาภิวัตน์ไว้ได้ ต่อจากนั้นในอีก 5 ภาคที่ตามมาเป็นการไล่เรียงผลและบทเรียนจากอดีต วิวัฒนาการและปัญหาใหญ่ ๆ ในปัจจุบันและแนวคิดสำคัญ เช่น Guns, Germs and Steel ชะตากรรมของสังคมมนุษย์ Underdevelopment Is a State of Mind (ความด้อยพัฒนาเป็นภาวะทางจิต) An Inconvenient Truth (ความจริงที่ไม่มีใครอยากฟัง) ผลงานของอัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ที่หันมาเอาดีทางการรณรงค์ปัญหาโลกร้อนอย่างเอาจริงเอาจังในหลายปีหลัง



บทสรุปสุดท้ายของกะลาภิวัตน์ คือหนังสือเรื่อง The Tipping Point (จุดพลิกผัน) ของมัลคอล์ม แกลดเวลล์ นักเขียนประจำนิตยสาร The New Yorker ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Time ฉบับประจำปี 2005 ให้เป็นหนึ่งใน 100 บุคคลอันทรงอิทธิพลของโลก และคำว่า "tipping point" กลายเป็นคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวันของฝรั่ง



การสกัดสาระหลักของหนังสือต่างประเทศที่ยังไม่ได้มีการแปลเป็นไทยอาจเป็นทางลัดช่วยให้คนที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงได้เปิดมุมมองความคิดที่แปลกใหม่ แหวกออกไปจาก "กะลา"เดิมได้บ้าง แต่บางเล่มในหนังสือเล่มนี้ก็มีแปลเป็นภาษาไทย อย่าง Guns, Germs and Steel ก็มีผู้แปลเป็นภาษาไทยทั้งเล่มแล้ว หากหนอนหนังสือท่านใดสนใจก็ลองหาตามร้านกันดู เพื่อจะได้อรรถรสเต็ม ๆ จากการอ่านด้วยตนเอง

Monday, April 02, 2007 10:08:00 PM  
Blogger solitary animal said...

เชิญแวะไปอุดหนุนกันได้ที่บูธ สำนักพิมพ์ โอ้ พระเจ้า O 30 โซน C1 ค่ะ


ปล. ตอนนี้เราอ่านอย่างช้าๆ ทว่ามั่นคงมาถึงองก์ที่ 5(ซึ่งเป็นองก์สุดท้ายแล้ว--ตั้งใจอ่านมากก็เลยอ่านช้าไปนิด) บอกได้เลย..เราเชื่อเหมือนที่สำนักพิมพ์เชื่อว่า อย่างน้อยที่สุด หนังสือเล่มนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบต่อสิ่งที่ผู้คนเฝ้าถามและมีส่วนที่จะทำให้โลกเบี้ยวๆ ใบนี้น่าอยู่ขึ้น :)

Monday, April 02, 2007 10:19:00 PM  
Blogger solitary animal said...

อ่านกะลาฯ จบหลายวันแล้ว แวะมาแจ้งอีกครั้งว่า หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่สมควรหามาอ่านเพื่อเพิ่มเติมอาหารสมองเป็นอย่างยิ่ง!

เข้มข้นไปด้วยสาระ ที่สะท้อนภาพตั้งแต่ครั้งอดีต จากระดับมหภาพมาจนถึงระดับปัจเจก และเชื่อมโยงมาถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งการทำความเข้าใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดกับโลกในอนาคตอันใกล้ (จะล่มสลายหรือจะวิวัฒน์ไปสู่สันติสุข?!?!?)

อย่าลืมแวะไปอุดหนุนกันนะคะ (ในงานหนังสือที่บูธ โอ้ พระเจ้า ราคาเล่มล่ะ 200 บาทเท่านั้น)


ปล. ที่กระทบใจและอยากหาฉบับเต็มมาอ่านคือเรื่อง ต้นทุนของความร่ำรวย (The Price of Privilege) กับ ก้าวหน้าแต่ว่าไร้สุข (The Progress Paradox)อ่ะ

Friday, April 06, 2007 8:40:00 PM  
Blogger Polar blue sea said...

เชียร์ขนาดนี้ สงสัยต้องลองหามาอ่านบ้างแล้ว (เล่มเดิมยังอ่านไม่จบเลย แต่พอเข้าใจmain ideaแล้วละ)

Monday, April 09, 2007 2:16:00 PM  
Blogger solitary animal said...

วันนี้วันสุดท้ายแล้วค่ะ สำหรับงานหนังสือ แวะไปอุดหนุนเล่มนี้ด้วยนะคะ คุณ blue sea สำหรับการสะสมทุนทางปัญญาและส่งมอบกำลังใจแด่คนทำหนังสือ

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ!

Tuesday, April 10, 2007 10:49:00 AM  
Anonymous Anonymous said...

ซื้อแล้ว 200...แต่ยังอ่านไม่จบดีนะ อ่านผ่านๆ บางบทที่ (คิดว่า)อ่านง่าย แต่โดยภาพรวมก็อ่านไม่ยากคะ สนุกกว่าเรื่องที่ผ่านมาของสำนักพิมพ์นี้ เออ...ดูแล้วคิดถึงรายการกบนอกกะลา ไม่รู้ซินะดูภาพหน้าปก ชื่อเรื่อง แล้วรู้สึกเกี่ยวๆ กัน อยากให้กำลังใจผู้ทำ แต่อยากให้ดูเรื่องการเว้นวรรคบ้างคะ (คือตอนนี้ก็ไม่หนังสืออยู่ในมือที่พอจะยกตัวอย่างบางประโยคได้นะคะ)

Tuesday, April 10, 2007 2:05:00 PM  
Blogger solitary animal said...

ขอบคุณผู้มีอุปการะคุณข้างบนนี้แทนสำนักพิมพ์ด้วยค่ะ ยังไงจะช่วยเป็นสื่อกลางส่งผ่าน comment อันมีค่าไปให้กองบ.ก.นะคะ :)

Tuesday, April 10, 2007 6:03:00 PM  
Anonymous Anonymous said...

ฝากเพื่อนซื้อเรียบร้อยแล้วครับ ไว้อ่านจบจะบอกว่าชอบหนังสือเล่มนี้อย่างไร ขอบคุณที่แนะนำหนังสือดีๆครับ

blue sea

Wednesday, April 11, 2007 11:23:00 AM  
Anonymous Anonymous said...

อ่านเกือบๆจะจบแล้ว

อ่านไปก็ถอนใจไป รู้สึกอนาคตมืดมนจัง
ยิ่งอีตอนที่กล่าวถึงประเทศที่ล่มสลายและประเทศที่อยู่รอด

ดูๆแล้วปัจจัยแห่งความล่มสลายเนี่ย ประเทศเราก็มีกับเขาเกือบๆทุกข้อเลยนะเนี่ย

ได้แต่หวังว่ามันคงไม่สายเกินไป ที่ทุกๆคนจะตระหนักและช่วยกันแก้ไข

...ก่อนที่กบต้มจะสุกเสียก่อน....

Friday, April 20, 2007 10:25:00 PM  
Blogger solitary animal said...

...

...

...

...

อืมม์ ไม่สิ้นหวัง ไม่สิ้นหวัง ไม่สิ้นหวัง

โลกสวยด้วยมือเรานะ คุณ anonymous

Tuesday, April 24, 2007 10:14:00 PM  

Post a Comment

<< Home

Gabu on Facebook