As I’ve already explained, knowing something, and experiencing it, are two different thing. Spirit longed to know Itself experientially (just as I did!). Conceptual awareness was not enough for you. So I devised a plan. It is the most extraordinary idea in all the universe—and the most spectacular collaboration. I say collaboration because All of you are in it with Me.
Under the plan, you as pure spirit would enter the physical universe just created. This is because physicality is the only way to know experientially what you know conceptually. It is, in fact, the reason I created the physical cosmos to begin with—and the system of relativity which governs it, and all creation.
Once in the physical universe, you, My spirit children, could experience what you know of yourself—but first, you had to come to know the opposite. To explain this simplistically, you cannot know yourself as tall unless and until you become aware of short. You cannot experience the part of yourself that you call fat unless you also come to know thin.
Taken to ultimate logic, you cannot experience yourself as what you are until you’ve encountered what you are not. This is the purpose of the theory of relativity, and all physical life. It is by that which you are not that you yourself are defined.
Now in the case of the ultimate knowing—in the case of knowing yourself as the Creator—you cannot experience your Self as creator unless and until you create. And you cannot create yourself until you uncreate yourself. In a sense, you have to first "Not be” in order to be.
8 Comments:
เมื่อวานได้หยิบ CWG มาอ่าน พลิกไปเจอหน้านี้โดยไม่ตั้งใจ แต่จับใจเราจัง..
As I’ve already explained, knowing something, and experiencing it, are two different thing. Spirit longed to know Itself experientially (just as I did!). Conceptual awareness was not enough for you. So I devised a plan. It is the most extraordinary idea in all the universe—and the most spectacular collaboration. I say collaboration because All of you are in it with Me.
Under the plan, you as pure spirit would enter the physical universe just created. This is because physicality is the only way to know experientially what you know conceptually. It is, in fact, the reason I created the physical cosmos to begin with—and the system of relativity which governs it, and all creation.
Once in the physical universe, you, My spirit children, could experience what you know of yourself—but first, you had to come to know the opposite. To explain this simplistically, you cannot know yourself as tall unless and until you become aware of short. You cannot experience the part of yourself that you call fat unless you also come to know thin.
Taken to ultimate logic, you cannot experience yourself as what you are until you’ve encountered what you are not. This is the purpose of the theory of relativity, and all physical life. It is by that which you are not that you yourself are defined.
Now in the case of the ultimate knowing—in the case of knowing yourself as the Creator—you cannot experience your Self as creator unless and until you create. And you cannot create yourself until you uncreate yourself. In a sense, you have to first "Not be” in order to be.
Do you follow?
แวะไปห้องสมุดของบริษัทมาเมื่อกีนี้เอง--
หยิบ GM ฉบับล่าสุดมาอ่าน (หน้าปก จ๊อบ นิธิ สมุทรโคจร) ข้างในมีคอลัมน์พูดถึง Best of Book Fair แนะนำหนังสือ 9 เล่มที่เจ๋งๆ ในงานหนังสือที่เพิ่งผ่านไปเมื่อเดือนที่แล้วด้วยค่ะ
หนังสือ 1 ใน 9 เล่มนั้นก็คือ "สนทนากับพระเจ้า" ว้าวววว :)
คัดรีวิวมาให้อ่านกัน!
..นี่ไม่ใช่หนังสือเผยแผ่ศาสนา และคำว่า "พระเจ้า" ในเรื่อง ก็ไม่ใช่พระเจ้าแบบที่พวกเราคุ้นเคย ถ้าคุณยังจะรบเร้าให้ GM อธิบายว่าหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไรกันแน่ เราก็ขอยกเอาคำพูดของบรรณาธิการสำนักพิมพ์ที่บอกไว้ว่า
"มันก็คงเป็นได้ทุกอย่างตามแต่จริตพื้นฐานและจินตนาการของแต่ละคน ซึ่งที่จริงเราไม่จำเป็นต้องนิยามหรือระบุสังกัดให้หนังสือเล่มนี้เลยก็ได้"
ที่สำคัญมันเป็นหนังสือที่เปลี่ยนชีวิตผู้อ่านมานับล้านคน...
:)
อ่านแล้วให้แง่คิด
และชวนนึกถึงคัมภีร์เต๋าเต็กเก็ง
(เป็นข้อยืนยันอันหนึ่งว่า ความจริงล้วนมีหนึ่งเดียว
แต่อาจอธิบายได้หลากหลายสำนวน)
ขออนุญาตคัดลอกสำนวนของคุณพจนา จันทรสันติ
บทที่2 สิ่งต่างๆอุบัติขึ้นด้วยการเปรียบเทียบ
เมื่อคนในโลกรู้จักความสวยว่าสวย
ความน่าเกลียดก็อุบัติขึ้น
เมื่อคนในโลกรู้จักความดีว่าดี
ความชั่วก็อุบัติขึ้น
มีกับไม่มีเกิดขึ้นด้วยการรับรู้
ยากกับง่ายเกิดขึ้นด้วยความรู้สึก
ยาวกับสั้นเกิดขึ้นด้วยการเปรียบเทียบ
สูงกับต่ำเกิดขึ้นด้วยการเทียบเคียง
เสียงดนตรีกับเสียงสามัญเกิดขึ้นด้วยการรับฟัง
หน้ากับหลังเกิดขึ้นด้วยการนึกคิด
ดังนั้นปราชญ์ย่อม
กระทำด้วยการไม่กระทำ
เทศนาด้วยการไม่เอ่ยวาจา
การงานทั้งหลายก็สำเร็จลุล่วง
ฤาความหมายของ กระทำด้วยการไม่กระทำ
และ uncreate yourself
ล้วนต้องการพูดถึงสิ่งเดียวกัน
เข้ามาชมภาพและฟังบทสนทนา...อยู่เงียบๆ
Oct'comRaDe...
มีอาจารย์ท่านหนึ่งเปรียบ "สนทนากับพระเจ้า" เป็นคัมภีร์พระเวทแห่งยุคมิลเลนเนียม เห็นด้วยอย่างยิ่งกับท่านข้างบนที่บอกว่า "ความจริงล้วนมีหนึ่งเดียว แต่อาจอธิบายได้หลากหลายสำนวน"
ตอนที่อ่าน CwG ยังนึกไปถึง เต๋า เต็ก เก็ง อยู่หลายตอน จริงๆ เนื้อหาของ CwG ให้ความรู้สึกทั้งของเซ็น มหายาน วัชรญาณ ฯลฯ หลอมเข้าด้วยกันอย่างน่าทึ่ง แต่อธิบายด้วยภาษายุคใหม่ อ่านแล้วยิ่งทำให้เรากลับไปเข้าใจคำสอนทางจิตวิญญาณในยุคโบราณได้มากขึ้นอีก...อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะ
นึกถึงตอนนึงในบทที่ 8 ที่บอกว่า...
"บางครั้งชีวิตจะเรียกร้องให้เธอพิสูจน์สิ่งที่เธอเป็นด้วยการให้แสดงด้านที่ไม่ได้เป็นออกมา...บางครั้งมนุษย์จำต้องเข้าสู่สงครามเพื่อประกาศถึงตัวตนที่แท้จริงว่าเขาคือผู้รังเกียจสงคราม"
"มีช่วงเวลาที่เธออาจต้องละทิ้งตัวเองเพื่อจะเป็นตัวเอง ..มีคุรุสอนไว้ว่าเธอไม่อาจได้ทั้งหมดจนกว่าเธอจะพร้อมละทิ้งทั้งหมด"
"บางครั้งชีวิตจะเรียกร้องให้เธอพิสูจน์สิ่งที่เธอเป็นด้วยการให้แสดงด้านที่ไม่ได้เป็นออกมา...บางครั้งมนุษย์จำต้องเข้าสู่สงครามเพื่อประกาศถึงตัวตนที่แท้จริงว่าเขาคือผู้รังเกียจสงคราม"
"มีช่วงเวลาที่เธออาจต้องละทิ้งตัวเองเพื่อจะเป็นตัวเอง ..มีคุรุสอนไว้ว่าเธอไม่อาจได้ทั้งหมดจนกว่าเธอจะพร้อมละทิ้งทั้งหมด"
beautifully poetic :)
ดีจังครับ
คิดถึงงานของคุรุฮินดูหลายๆท่าน เช่น Ramana Mahasri หรือ Nisargadatta Maharaj ที่มีแนวการสื่อสารคล้ายๆกัน
สวัสดีค่ะ คุณวิจักขณ์...ออกจากฝึกเงียบแล้วเหรอ..อย่าลืมแบ่งปันประสบการณ์ ;)
Post a Comment
<< Home