There are no coincidences in the universe.

Solitary Animal: What You Feel, You Can Heal

Friday, July 21, 2006

What You Feel, You Can Heal

10 Comments:

Blogger solitary animal said...

-คัดมา-

วิธีลดทุกข์หนัก ยามรักจากไป

คอลัมน์ ‘มองชีวิต’
โดย ศ.ดร. นพ.วิทยา นาควัชระ

ที่มา : ดิฉัน ฉบับ 30 มิถุนายน 2549


==============================


สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ไปเที่ยวปราสาทเขาพระวิหารด้วยความบังเอิญ


ขับรถเลาะลัดไปแนวอีสานตอนใต้ พอเห็นชื่อ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ เห็นป้ายทางไปเขาพระวิหาร จึงแวะเข้าไปดู

ทางขึ้นอยู่ทางแผ่นดินไทย แต่ตัวปราสาทที่ตั้งอยู่บนหน้าผา ได้ถูกศาลโลกตัดสินให้เป็นของเขมรไปแล้ว ถ้าเขมรจะขึ้นไปเที่ยวก็ต้องเดินผ่านแผ่นดินไทย

รูปทรงปราสาทและรอยแกะสลักต่างๆ ยังคงเห็นได้ชัด ความงามสง่ายังปรากฏเด่นในดงป่าต้นไม้ มีมัคคุเทศก์อาสาสมัครเยาวชนจากโรงเรียนแถวนั้นนำเที่ยว อธิบายให้ความรู้และเพลิดเพลินดี

ก็คุยกันว่า ตกลงเขาพระวิหารเป็นของใคร?

เขมรเขาก็บอกว่าเคยเป็นของเขา จึงขอคืน
ไทยก็บอกว่าเคยเป็นของไทย จึงอยากได้เอาไว้และอยากได้คืน

ความรู้สึกนี้คงเป็นไปอีกนาน ความรู้สึกผูกพันกับของรัก อยากให้ของรักอยู่กับตน แม้จากไปแล้วก็ยังอยากได้คืน

ขณะเดินเที่ยวได้พบกับแฟนคอลัมน์ที่มาจากต่างประเทศ เขาจำได้ เข้ามาทักได้พูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ ของชีวิต รวมทั้งเรื่องความสูญเสียของรักและคนรักด้วย

เธอขอให้เขียนถึงเรื่องเหล่านี้ว่าทำไมบางคนแทบเป็นแทบตายเมื่อคนรักจากไป อยากได้คนรักคืน บางคนไม่เสียใจมากนัก


เรื่องความรักนี้เป็นเรื่องแปลก ใครไม่รู้จัก ไม่เคยมี ก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมเขาจึงมีความสุขยามได้มีรัก และเกิดความทุกข์ทรมานยามรักจากไป หรือยามตัวเองถูกลืม ถูกทอดทิ้ง

แม้จะรู้ว่าความรักเป็นความรู้สึก ความคิด และอารมณ์ที่ผสมกลมเกลียวกับประสบการณ์ในยามคบหา ทำให้มีความลึกซึ้งประทับใจในระดับต่างๆ กัน แต่การจะจดจำความรักและความรู้สึกจากการที่ความรักแปรเปลี่ยนไปนั้น จะแตกต่างกันไปตามบุคลิกภาพของมนุษย์แต่ละคน

อยากจะแบ่งบุคลิกภาพกับความรักของมนุษย์ออกเป็น 3 แบบ คือ

1. พวกเห็นความรักยิ่งใหญ่กว่าชีวิต
2. พวกที่เห็นความรักยิ่งใหญ่เท่าชีวิต
3. พวกที่เห็นว่าความรักยิ่งใหญ่น้อยกว่าชีวิต

Friday, July 21, 2006 11:41:00 PM  
Blogger solitary animal said...

ขอพักไปดูรายการ 'คุยแหกโค้ง' ของพี่ยิ่งศักดิ์ ก่อนนิ :P

Friday, July 21, 2006 11:46:00 PM  
Blogger solitary animal said...

1. พวกเห็นความรักยิ่งใหญ่กว่าชีวิต

พวกนี้มักมีจิตใจละเอียดอ่อน เข้าข่ายอ่อนแอหรืออ่อนไหวง่าย จะมองความรักได้กว้างไกลและลึกซึ้งเกินจริง แบบใส่จินตนาการเข้าไปมาก จึงคิดว่ารักมีความสำคัญมาก...มากกว่าชีวิต ยามมีความรักก็ให้ความสำคัญมาก ยามความรักจากไปจึงแทบทนไม่ได้ เพราะจินตนาการเรื่องความรักไว้เกินจริง

หลายคนแทบตายหรืออยากทำร้ายตัวเอง เศร้า ซึม หมดกำลังใจ หมดแรง และพลังของชีวิต

Saturday, July 22, 2006 9:03:00 PM  
Blogger solitary animal said...

2. พวกที่เห็นความรักยิ่งใหญ่เท่าชีวิต

พวกนี้ให้ความสำคัญกับความรักมากเช่นกัน ยามได้มาก็ถนอมเอาไว้ ยามความรักจากไปก็ทุกข์ทรมาน แต่ยังพอมีสติคิดได้ว่าความรักก็แปรเปลี่ยนได้เหมือนสิ่งทั้งหลายในโลก...ในชีวิต

แม้จะทุกข์ ก็ยังพอจะพ้นทุกข์ได้ไม่นานนัก

Saturday, July 22, 2006 9:06:00 PM  
Blogger solitary animal said...

3.พวกที่เห็นว่าความรักยิ่งใหญ่น้อยกว่าชีวิต

พวกนี้ให้ความสำคัญกับความรักน้อยลง คิดว่าเป็นองค์ประกอบหนึ่งในหลายๆ สิ่งที่สำคัญของชีวิต จะมีก็ได้หรือไม่มีก็ได้ ถ้ามีแล้วจะต้องจากไปก็ไม่เป็นไร เพราะยังมีสิ่งอื่นที่สำคัญเหลืออยู่ จึงไม่ทุกข์นักจากการที่ความรักจากไป

Saturday, July 22, 2006 9:16:00 PM  
Blogger solitary animal said...

พวกที่มีความทุกข์มากๆ จากการที่คนรักจากไปได้แก่พวกที่ 1 และ 2


พวกนี้ทุกข์เพราะมีจินตนาการมากไป อยู่กับจินตนาการที่เกินจริง มักจะทุกข์จากการไปคิดแทนคนรักว่าเขาจะสุขมายามจากไป และคิดว่าตัวเองไม่มีค่า หรือคิดอยากจะครอบครองคนรักเอาไว้ให้นาน แต่ไม่สามารถทำได้

บางคนทุกข์จากความละเอียดและอ่อนแอของจิต มีความสงสารมากไป ทั้งสงสารตัวเอง และสงสารคนรัก และบางคนทุกข์จากความเสียดาย เช่น เสียดายเวลา ความรู้สึก ประสบการณ์ร่วมกัน หรือทรัพย์สินเงินทองที่เกี่ยวข้องกัน

วิธีจะลดความทุกข์ได้นั้น ต้องรู้จักปรับระดับจิตใจของตัวเองให้อ่อนไหวน้อยลง อยู่กับความจริงที่ว่า ทุกอย่างไม่แน่นอน และเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น อย่าอยู่กับจินตนาการอย่างเดียว

จิตใจอาจจะแลดูเหมือนหยาบหรือแข็งแกร่งขึ้น อาจแลดูกระด้างไปบ้างสำหรับคนที่เคยมีจิตอ่อนไหวมาก่อนแต่เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้ได้

จิตที่อ่อนแอจะเป็นจิตที่อยู่กับจินตนาการโดยไม่มีหลักการ แม้จะแลดูสวยหวานแต่ก็อ่อนแอ อ่อนไหว พังพินาศได้ง่าย

จิตที่เข้มแข็งขึ้นมา จะเป็นเหมือนเพชรที่ถูกเจียระไน ยังมีเหลี่ยมเจียระไนที่แลดูงดงาม อ่อนไหว หรือพลิ้วเป็นธรรมชาติเหมือนจิตที่อ่อนแอ แต่ก็จะอยู่ได้นาน คงความมีค่าได้เสมอ ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นในชีวิต

Saturday, July 22, 2006 9:17:00 PM  
Blogger solitary animal said...

จำไว้...ท่องไว้นะครับว่า จิตของเราต้องเข้มขึ้น แข็งขึ้น มีหลักการขึ้น อยู่กับความจริงของธรรมชาติและเป็นวิทยาศาสตร์ แม้จะแลดูหยาบไปนิด กระด้างไปหน่อย (เมื่อเปรียบเทียบกับลักษณะของจิตเดิม) ก็ไม่เป็นไรหรอก จะเป็นจิตที่งดงามมีคุณภาพ

อย่าไปมีจิตที่อ่อนแอ ชอบคิดแทนเขา ชอบเสียดายสิ่งที่ผ่านมาแล้ว อาลัยอาวรณ์ สงสารเขา หรือสงสารตัวเอง ลึกซึ้งกับความหลัง อยากครอบครอง อยากให้เหมือนเดิม ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้หรอก

อะไรก็แล้วกันไป อะไรผ่านไปแล้วก็ควรยอมรับตามกฏเกณฑ์ของสังคม มองโลกและชีวิตที่ทุกอย่างไม่แน่นอน ยึดถือครอบครองไม่ได้ทั้งนั้น

เราจะมองทุกอย่างด้วยความเป็นกลาง เป็นธรรมชาติ ไม่ทุกข์ร้อนทุรนทุรายเมื่อต้องจากสิ่งรักหรือคนรัก และยังคงมองสิ่งเหล่านั้น คนเหล่านั้นได้ด้วยความรู้สึกดีๆ โดยไม่หลงใหลหรือทุกข์ร้อนไปตามจิตที่อ่อนแออีกต่อไป


...และจะไม่ทุกข์หนัก ยามรักจากไป

Saturday, July 22, 2006 9:18:00 PM  
Anonymous Anonymous said...

อยากถามคุณคนนี้ ว่าเขาทำใจอย่างไร กับความรักและคนรักที่ต้องสูญเสียไป

--[ขออนุญาตคัดลอกบทความจากหนังสือเรื่อง "สำเนาทะเบียนบ้า"]--

เขียนโดย คุณพิง ลำพระเพลิง
เกี่ยวกับเรื่อง ภรรยา และ ลูกชาย ดังนี้ครับ


"ภรรยาผมขับรถตกทะเล"
จากขอบถนนถึงผิวน้ำสูงสิบเมตร จากผิวน้ำถึงพื้นทราบใต้น้ำอีกสามสิบเมตร
เสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในทะเลแล้ว ทว่า หมอเสียบเครื่องช่วยหายใจเลี้ยงร่างไร้สติ
เอาไว้อีกสองวัน

ก่อนวันเกิดเหตุ เราทะเลาะกัน เธอและผมเพิ่งแยกกันอยู่ได้เพียงอาทิตย์เดียว
จากสิบปีที่แต่งงานกันมา ผมมาอยู่คอนโดกรุงเทพ เธออยู่สัตหีบกับลูกชาย

...เธอโทรหาผม....

ผมเชื่อเสมอว่า เธอจะต้องรอผมอยู่ที่บ้าน ไม่ว่าผมกลับไปบ้านเมื่อไหร่
เธอต้องรอผมอยู่ที่บ้าน พร้อมกับลูกชาย

.... แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ ....

เธอนอนมีสายยางเสียบปากอยู่ในห้องไอซียู ผม ร้องไห้สมน้ำหน้าตัวเอง
ที่เคยคิดว่า มีเวลาเหลือเฟือที่จะบอกรักเธอ ตอนนี้ผมต้องการเพียงแค่

5 นาทีเท่านั้น!!!

อยากให้เธอฟื้นขึ้นมาพูดคุยว่า เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเราทั้งคู่
เรื่องราวดี ๆ ที่สร้างสมร่วมกันมา มันเลือนหายไปจากหัวใจตั้งแต่เมื่อไหร่

ขอแค่ห้านาทีเท่านั้นได้ไหม ก่อนที่เธอจะจากไป ตลอดกาล!!!

.... ผมไม่เคยได้ห้านาทีนั้นเลย ....


อ้างอิงจาก หนังสือเรื่อง สำเนาทะเบียนบ้า
เขียนโดย คุณ พิง ลำพระเพลิง
บทความจาก ตอนที่ชื่อว่า 00015 ::: ลูกกำพร้า

Footnote:
ภรรยาคุณพิง ชื่อ ติ๋ว เป็นแม่ค้าขายขนมปังอยู่สัตหีบ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุด้วยอายุเพียง 26 ปี คุณติ๋ว และ คุณพิง มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ชื่อ "หนามเตย"

Sunday, July 23, 2006 11:17:00 PM  
Anonymous Anonymous said...

ดูเหมือนว่า...จากบทความด้านบท กลายเป็น บทหนัง "โคตรรักเอ็งเลย" ... ที่กำกับ โดย พิง ลำพระเพลิง เช่นกัน ...

OCt'ComraDe ...

Monday, July 24, 2006 11:24:00 AM  
Blogger solitary animal said...

ขอบคุณเรื่องราวข้างบนที่นำมาแบ่งปันกันค่ะ คุณ เอ่อ Anonymous มันทำให้รู้สึกสะท้อนใจ แล้วก็...อะไรอีกมากมาย


ยังงี้หนังเรื่อง 'โคตรรักเอ็งเลย' ก็เป็นโปรแกรมที่พลาดไม่ได้แล้วสิ :)

Tuesday, July 25, 2006 7:54:00 AM  

Post a Comment

<< Home

Gabu on Facebook