There are no coincidences in the universe.

Solitary Animal: Grow Old Together

Wednesday, January 18, 2006

Grow Old Together


"...วันนี้ผมอายุมากขึ้น และกำลังประคองความรักครั้งใหม่ให้สำเร็จให้ได้ บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่าชีวิตคู่ที่ประสบความสำเร็จนั้นมีจริง เท่าที่รู้ สิ่งนี้จะเป็นจริงได้ นอกจากความฉลาดและหัวใจดีๆ ให้แก่กันและกันแล้ว ผมยังต้องการโชคดีประกอบด้วย ผมภาวนาให้วุฒิภาวะ ความชรา ความพึงพอใจในรสชาติของกิเลสเดินทางมาถึงในช่วงชีวิตที่เหลือของผมพอดี และถ้าโชคดี ต้องให้ความพอใจของคนรักของผมเดินทางมาถึงจุดนี้พร้อมๆ กันด้วย"
- สุรักษ์ สุขเสวี

11 Comments:

Anonymous Anonymous said...

โห ...อ่านแล้ว รู้สึก ชัดเจนๆๆๆ ดีจัง...

:)

R.Clinkaid

Friday, January 20, 2006 9:51:00 AM  
Blogger solitary animal said...

ชื่อของเขาอาจเคยผ่านสายตาและผลงานของเขาคงเคยผ่านหูของคุณมาบ้าง ในฐานะนักแต่งเพลงผู้มีตัวโน๊ตบาดอารมณ์คนหนึ่งในวงการเพลงไทย ไม่ว่าจะเป็น คู่แท้ (เบิร์ด – ธงไชย) หากันจนเจอ (มาร์ส & วีนัส) ลาก่อน (อัสนี) นิยามรัก (นูโว) ฯลฯ จนหลายคนอาจเคยสงสัยว่า ภายใต้คำหวานของบทเพลงเหล่านั้น ผู้ชายคนนี้มองความรักเป็นเช่นไร...

Tuesday, January 24, 2006 1:22:00 PM  
Blogger solitary animal said...

"...เมื่อก่อนผมเคยเชื่อว่าความรักเป็นสูตรสำเร็จและเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ ถ้าคนสองคนชอบอะไรเหมือนๆ กัน มีทัศนคติที่ตรงกัน ใช้เวลาคบจนมั่นใจ และตกลงใช้ชีวิตร่วมกันในที่สุด เท่านี้น่าจะเพียงพอที่จะมีชีวิตคู่ที่ประสบความสำเร็จได้

Tuesday, January 24, 2006 1:24:00 PM  
Blogger solitary animal said...

ผมเชื่อและคิดเช่นนี้ตลอดเวลา 15 ปีที่ผมคบอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง จนกระทั่งวันหนึ่งเราต้องแยกทางกัน แล้วความคิดเหล่านั้นก็กลายเป็นอุดมคติ บางครั้งอยากจะโทษตัวเองเหมือนกันว่าผมเป็นฝ่ายทำให้ทุกอย่างแย่ลง แต่บางครั้งอีกใจหนึ่งก็คอยเตือนสติว่า เราสองคนค่อยๆ เดินห่างกันออกไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว เชื่อไหมว่าที่ผ่านมาเราไม่เคยทะเลาะเบาะแว้ง ไม่เคยมีปากเสียง เพียงแต่เรามีโลกส่วนตัวซึ่งต่างคนต่างสามารถออกไปทำอะไรที่ชอบ เราให้อิสระกับอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ แม้แต่เคยทำผิดต่อกันทั้งคู่ สุดท้ายก็ยังให้อภัยกันได้

Tuesday, January 24, 2006 1:25:00 PM  
Blogger solitary animal said...

ฟังดูอาจจะเป็นเคสที่แปลก แรกๆ ผมได้แต่ถามตัวเองว่าเพราะอะไร ผมควรจะโทษกาลเวลาที่นำวันคืนอันสดชื่นไปจากเราสองคนหรือโทษความปรารถนาพื้นฐานของมนุษย์ที่ไม่เคยรู้จักอิ่มในความต้องการทางความรู้สึกและอามรมณ์ หรือโทษผู้คนหน้าใหม่ๆ ที่หมุนเวียนเข้ามาแบ่งเวลาที่เราเคยใช้ด้วยกัน หรือโทษกาลเวลาอีกก็ได้ที่ทำให้เราทั้งคู่เติบโตขึ้นและเปลี่ยนไป

Tuesday, January 24, 2006 1:25:00 PM  
Blogger solitary animal said...

15 ปีที่ผ่านมานั้น เราสองคนรู้เสมอว่า ชีวิตคู่คือการเรียนรู้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด แต่เราไม่เคยเห็นความสำคัญของการใช้เวลาเรียนรู้ด้วยกัน ได้แต่ใช้อารมณ์ของตัวเอง ณ วันนั้น เวลานั้น ตัดสินใจทำแทบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไรสักอย่างหนึ่ง

Tuesday, January 24, 2006 1:26:00 PM  
Blogger solitary animal said...

ที่สำคัญ ผมพบว่าระหว่างคนสองคน ที่ปลายสุดด้านหนึ่งของการใช้ชีวิตคู่คือการทำให้มันตึงเกินไป เช่น บางคู่ที่ตั้งกฏเกณฑ์และกติกาขึ้นมาล้อมกรอบมากมาย ส่วนปลายสุดอีกด้านหนึ่งคือ การให้อิสระต่อกันเต็มที่จนชีวิตคู่หย่อนไป และเมื่อเกิดปัญหาตามมา เราก็ไม่ได้ใส่ใจกับปัญหาเหล่านั้นนัก ซึ่งผมกับเธอคนนั้นคงจัดอยู่ในเคสหลัง ถ้าจะเปรียบเทียบคงเหมือนระเบิดเวลาที่รอว่าใครจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเป็นคนกดปุ่มก่อนเพื่อเดินจากไป

Tuesday, January 24, 2006 1:26:00 PM  
Blogger solitary animal said...

ถึงตรงนี้เลยทำให้ผมนึกถึงทางสายกลาง นึกถึงธรรมะของพระพุทธเจ้า ถ้าเราหาจุดนั้นเจอก็คงดีต่อชีวิตคู่และการใช้ชีวิตด้านอื่นด้วย แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่คนธรรมดาอย่างเราจะรู้ว่าจุดไหนคือความพอดี ยิ่งไปกว่านั้น อารมณ์และความรู้สึกยังเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้จิตใจอ่อนแอและไม่สามารถทำในสิ่งที่ควรจะทำได้

Tuesday, January 24, 2006 1:27:00 PM  
Blogger solitary animal said...

หากความรักเหมือนผลสรอว์เบอรรี่ ผมและเธอคงเคยได้ลิ้มลองรสชาติอันหอมหวานของมันมาแล้ว แต่ความอร่อยกลับอยู่ที่ปลายลิ้นและลำคอเพียงไม่นาน เราสองคนยังจำมันได้ดี และยังต้องการจะชิมอีก แต่คงไม่ใช่ลูกเดิม

Tuesday, January 24, 2006 1:27:00 PM  
Blogger solitary animal said...

วันนี้ผมอายุมากขึ้น และกำลังประคองความรักครั้งใหม่ให้สำเร็จให้ได้ บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่าชีวิตคู่ที่ประสบความสำเร็จนั้นมีจริง เท่าที่รู้ สิ่งนี้จะเป็นจริงได้ นอกจากความฉลาดและหัวใจดีๆ ให้แก่กันและกันแล้ว ผมยังต้องการโชคดีประกอบด้วย ผมภาวนาให้วุฒิภาวะ ความชรา ความพึงพอใจในรสชาติของกิเลสเดินทางมาถึงในช่วงชีวิตที่เหลือของผมพอดี และถ้าโชคดี ต้องให้ความพอใจของคนรักของผมเดินทางมาถึงจุดนี้พร้อมๆ กันด้วย

Tuesday, January 24, 2006 1:27:00 PM  
Blogger solitary animal said...

ถ้าการเขียนเพลงคืองานศิลปะที่เป็นอาชีพหลักของผมแล้ว ตอนนี้ผมกำลังสร้างงานศิลป์อีกแบบให้ตัวเองอยู่ กว่างานชิ้นนี้จะเสร็จสมบูรณ์ให้คนอื่นๆ รับรู้ อาจเป็นวันที่ผมลาจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ถ้ามันสำเร็จ นี่จะเป็นผลงานชิ้นโบแดงสำหรับคนเขียนเพลงรักแบบผม หรืออาจจะเรียกตามประสาคนช่างคิดว่า My Eternal Strawberry ก็ย่อมได้

เพราะมันจะมีรสชาติหวานติดลิ้นตลอดไป จนเราไม่ต้องการจะลิ้มลองผลใหม่อีก

----------

Tuesday, January 24, 2006 1:28:00 PM  

Post a Comment

<< Home

Gabu on Facebook