There are no coincidences in the universe.
Existing, living, or going without others; alone
View my complete profile
posted by solitary animal @ 11:51 AM
คอลัมน์ "ใส่บ่าแบกหาม"โดย พรพิมล ลิ่มเจริญThe March of the Penguinsเธอจ๊ะอย่าปล่อยให้ปี 2005 ผ่านไปโดยไม่ได้ดูหนังสารคดีเรื่องเพนกวินนี่นะฉันก็พูดเก๋ๆ ไปงั้นแหละ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไป... ฟังดูเก๋ เหมือนเรายื้อยุดฉุดเอาไว้ได้ด้วยสองมือของเรา ยังไงมันก็ผ่านไปแล้วแหละThe March of the Penguins เป็นหนังสารคดี ถ่ายทำมาชัดเจนแจ๋วแหวว นกเพนกวินแสดงทั้งเรื่อง ชื่อฝรั่งเศสก็มีเก๋ๆ ชื่อ La Marche de l"empereurมีลูกต้องให้ดู มีหลานต้องให้หลานดูเลยแหละพลังแห่งภาพยนตร์มันต้องเป็นแบบนี้สิน่า มันต้องให้เราได้มากไปกว่าความสนุกสนานหฤหรรษ์ มันต้องต้องนำพาเรา ความคิดของเราไปสู่ระดับชั้นที่สูงขึ้น มันต้องเปิดหูเปิดตาเราให้กว้างขึ้นไกลขึ้น พลังและอำนาจแห่งภาพยนตร์มันต้องมีแนวทางนี้บ้าง ฉันเชื่อเช่นนั้นหนังสารคดีเรื่องนี้ไปถ่ายกันที่ "แอนตาร์ติก้า" หรือขั้วโลกใต้ดินแดนที่นักสำรวจบอกว่าThe coldest, windiest, driest, darkest continent of the planet.ทวีปที่หนาวที่สุด ลมแรงที่สุด แห้งแล้งที่สุด และมืดมิดที่สุดในโลกก็มีแต่น้ำแข็งหนาราวๆ 2.5 กิโลเมตร ทั่วไปทั้งแดนดิน แล้วยังไปอยู่ใต้ไกลสุดกู่เพียงนั้น มันก็คงเป็นเช่นนั้นแลThose who have fled fee but our ancestors decide to stayตัวที่บินได้ก็จากไปแล้ว แต่บรรพบุรุษของเราตกลงอยู่Whatever the cost and defy the spreading chill.สู้ความหนาวยะเยือกที่แผ่กระจายไปทั่วในหนังเขาใช้เสียงคนบรรยายแทนนกเพนกวินธรรมชาติก็ช่างทำเรื่องประหลาด ดินแดนหนาวเย็นแล้งไร้ขนาดนั้น ก็ยังอุตส่าห์หาทางส่งสิ่งมีชีวิตไปอยู่ไปกิน แล้วยังอยู่ได้อีกแน่ะTime has passed and the earth has changed a hundred times.เวลาผันผ่าน และโลกเปลี่ยนไปเป็นร้อยครั้งBut still we stand here like sentries.แต่เรายังยืนอยู่ตรงนี้เหมือนทหารรักษาวังทำไมเพนกวินต้องอยู่ที่นี่?ก็มันเกิดที่นี่ บินก็ไม่ได้ จะให้หนีไปไหน และที่สำคัญ มันอยู่ของมันได้ ฉันเลยว่ามันก็เลยอยู่หนังสารคดีเรื่องนี้ทำให้เรารู้และเห็นกับตาว่าเพนกวินอยู่กันได้อย่างไร ไม่ได้สุขสบาย แต่มันก็อยู่กันได้อยู่กันไป ร่วมใจกันอยู่ แต่ก็มีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่มันก็แสดงความเป็นปึกแผ่นเป็นแก่นสารให้เราเหล่ามนุษย์ได้อายกันเลยแหละ ไม่มากก็น้อย!แล้วเรื่องราวก็เริ่มต้นWhen the Moon and the Sun meet at midday,เมื่อพระจันทร์และพระอาทิตย์พบกันตอนกลางวันour tribe rises up and starts walking.เผ่าของเราก็ลุกขึ้นและออกเดินนกเพนกวินเดินกันเป็นแถวยาว เดินห่างจากทะเลลึกเขาไปในแผ่นดิน ระหว่างทางก็ไปเจอนกเพนกวินต่างกลุ่มก็เดินมาเหมือนกัน ก็เลยสมทบกัน เดินไปอีก ก็เจออีกกลุ่ม ยิ่งเดินแถวยิ่งยาว นกเพนกวินเป็นร้อยๆ ตัวเดินไปด้วยกัน เป็นภาพตื่นตาตื่นใจมากๆในหนังเขาเรียกว่า the long journey of the caravan - การเดินทางอันยาวไกลของกองคาราวานมันยาวจริงๆ ยาวเห็นๆ แถมเป็นนกเพนกวินตัวจริงเสียงจริงอีกต่างหาก ไม่ใช้ตัวแสดงแทน!Caravans from every direction meet and gatherกองคาราวานจากทุกทิศทุกทางมาพบกันและรวมตัวกันmore or less on the same dayวันเดียวกันโดยประมาณat the same time, in the same placeเวลาเดียวกัน สถานที่แห่งเดียวกันas if by magic.อย่างกับต้องมนต์สะกดไม่มีใครรู้ว่านกเพนกวินใช้วิธีการใด นักวิทยาศาสตร์ที่ไปจดไปจ้องไปเฝ้าดูมันมาก็ไม่อาจรู้ได้ ได้แต่เห็น ว่าถึงเวลามันก็มานกเพนกวินมารวมตัวกันหาคู่และผสมพันธุ์ตลกดี ความที่ตัวเมียมีมากกว่าตัวผู้ มันเลยมีตบตีกัน ไม่ถึงขนาดตามตบหน้าหันล้มคว่ำก็ตามไปซ้ำ อย่างกับละครไทยในทีวี แต่นกเพนกวินเจริญแล้ว เลยตบกันพองาม นกเพนกวินเอาปีกที่หน้าตาเหมือนครีบนั่นแหละตบกันดังแปะๆ เพี้ยะๆ แสดงเจตนารมณ์ว่าชายตัวนี้แหละอยากแย่ง พอเห็นเขารักกันจริงแย่งไม่ได้ ก็แค่เดินเชิดๆ เริ่ดๆ จากไปโดยดีWe marry for the year of the single mate.เราจะตกลงเป็นคู่แต่งงานกันปีนี้แบบว่าปีหน้าเปลี่ยนคู่ไง เราจะรักเดียวใจเดียว แต่ภายในขวบปีนี้เท่านั้นน่ะ สัญญาของนกเพนกวินน่าจะเป็นเช่นนี้แล้วฉันก็ได้เห็นนกเพนกวินแสดงอาการรักใคร่ไยดีต่อกัน แบบในปฏิทินที่นกเพนกวินสองตัวเขาก้มหัวต่ำๆ แล้วเอาหัวมาชนกัน ถ่ายรูปออกมาแล้วจะเหมือนรูปหัวใจ คราวนี้ได้เห็นตั้งแต่เริ่มนัวเนียๆ จนรักกัน จนออกไข่ออกมา 1 ฟองนกเพนกวินใช้พุงและอุ้งเท้ากกไข่ ขืนปล่อยให้ตกถึงพื้น ไข่ก็แข็งตายน่ะสิพอออกไข่เสร็จตัวเมียก็จะเสียพลังงานมาก ก็จะต้องออกเดินทางกลับไปทะเล สะสมอาหาร นกตัวพ่อก็ต้องกกไข่แทน ตอนค่อยๆ เลื่อนไข่ออกจากพุงแม่นกไปหาพ่อนกนี่สิเป็นตอนที่น่าตื่นเต้นอีกตอน เลื่อนแรงไปไข่ก็จะแตก และเราก็จะเศร้าแม่นกจะหายไปเป็นเดือนๆ พ่อนกจะทำแค่ยืนบนส้นเท้ากกไข่ต้านลมหนาวและพายุหิมะอีกเป็นเดือนๆ ไปเพียงลำพังบางทีแม่นกก็ไม่ได้กลับมา เพราะที่ทะเลมีแมวน้ำและศัตรูอื่นๆ ที่ต้องหาเลี้ยงชีวิตตัวเองอยู่เหมือนกันในขณะเดียวกัน พ่อนกต้องยืนและอดอาหารนาน 3-4 เดือน บางทีก็ไม่ไหวจึงจากไปก่อนพอแม่นกกลับมาเปลี่ยนเวร พ่อนกก็ออกเดินทางไปทะเล บางทีก็สิ้นเรี่ยวแรงกลางทางยังไม่ถึงทะเล บางทีก็สิ้นเรี่ยวแรงในทะเล บางครั้งก็เจอศัตรูWho will win, life or winter?ใครเป็นฝ่ายชนะ ชีวิตหรือลมหนาว?นั่นน่ะสิ มันก็สุดแท้แต่ว่าใครถึงแม้ว่าลูกนกจะออกจากไข่รอดตายมาได้ ก็ใช่จะรอดไปตลอด เมื่อถึงที่สุด ถึงคราวที่พ่อนกเป็นฝ่ายไป แล้วไม่กลับมาเสียที แม่นกก็ต้องยอมทิ้งลูกให้อยู่กับฝูงเพียงลำพัง เสี่ยงตาย ถ้าโชคดีก็รอดปากเหยี่ยวปากกาที่บินผ่านมา ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกแล้วพอโตขึ้นอายุได้ 5 ขวบ ลูกนกก็จะได้ออกเดินทางแบบนี้เป็นวัฏจักรไปแต่ในความเป็นจริงอันแสนเศร้า นกเพนกวินก็มีจำนวนลดน้อยลงเรื่อยๆ เพราะภาวะโลกร้อน พอโลกร้อนขึ้นน้ำแข็งก็จะละลายเร็วขึ้น บางทีมันละลายจนก้อนน้ำแข็งมาปิดเส้นทางการเดินทาง จากเดินทาง 21 วันอย่างที่เห็นนี้ก็จะกลายเป็นมากกว่า นกเพนกวินล้มตายระหว่างทาง ตั้งแต่ยังไปไม่ถึงไหน บางทีน้ำแข็งก็ละลายทำให้แผ่นดินกลายเป็นน้ำเร็วเกินไป นกเพนกวินยังว่ายน้ำไม่แข็ง ก็ต้องจมน้ำตายไปก่อนเวลาอันควรปี 2005 เป็นปีที่ดีนะ มีหนังอย่างคิงคองแล้วก็มีหนังสารคดีนกเพนกวินนี้ แต่เมืองฝาหรั่งยังมีหนังดีๆ อีกมากมายที่ยังไม่มาฉายในเมืองไทย ถ้าผู้จัดจำหน่ายหนังชักช้าแบบนี้ไปเรื่อยๆ ฉันว่าไม่นานผู้ชมในโรงหนังของไทยคงจะลดน้อยลงเรื่อยๆ ก็ลดฉันไปหนึ่งคนนั่นแหละ เพราะฉันก็จะไปซื้อดีวีดีมาดูก่อนแล้วเชิ้บๆ ภาวะโลกร้อนเช่นนี้ ไม่รู้ฉันจะตายวันตายพรุ่ง การปล่อยให้นั่งรอหนังดีๆ มาฉายในโรง มันช่างเสียเวลาเปล่าๆ ปลี้ๆ เสียนี่กระไร ฉันคิดว่านะฉันเอง
พลังแห่งภาพยนตร์มันต้องเป็นแบบนี้สิน่า มันต้องให้เราได้มากไปกว่าความสนุกสนานหฤหรรษ์ มันต้องต้องนำพาเรา ความคิดของเราไปสู่ระดับชั้นที่สูงขึ้น มันต้องเปิดหูเปิดตาเราให้กว้างขึ้นไกลขึ้นใช่ๆๆ ห้ามพลาดสารคดีเรื่องนี้กันเลยนะทุกท่าน :)The March of the Penguins
คุณ SAข้าพเจ้า ชอบเจ้าเพนกวินมากเลยตอนไปเห็นตัวจริง และไปศึกษาวิถีชีวิตของน้องเพน น่ารักมาก ไม่ว่าจะเป็นตอนเดินตอนโดดเล่นน้ำข้าพเจ้าเลยไปซื้อน้องเพนกวินเก็บไว้กะว่าจะสะสมเลย เป็นไง Have a nice day ^____^ps: ไม่เห็นอัพเดทเรื่องราวเลย งานยุ่งซิท่าtake care ja.
Post a Comment
<< Home
3 Comments:
คอลัมน์ "ใส่บ่าแบกหาม"
โดย พรพิมล ลิ่มเจริญ
The March of the Penguins
เธอจ๊ะ
อย่าปล่อยให้ปี 2005 ผ่านไปโดยไม่ได้ดูหนังสารคดีเรื่องเพนกวินนี่นะ
ฉันก็พูดเก๋ๆ ไปงั้นแหละ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไป... ฟังดูเก๋ เหมือนเรายื้อยุดฉุดเอาไว้ได้ด้วยสองมือของเรา ยังไงมันก็ผ่านไปแล้วแหละ
The March of the Penguins เป็นหนังสารคดี ถ่ายทำมาชัดเจนแจ๋วแหวว นกเพนกวินแสดงทั้งเรื่อง ชื่อฝรั่งเศสก็มีเก๋ๆ ชื่อ La Marche de l"empereur
มีลูกต้องให้ดู มีหลานต้องให้หลานดูเลยแหละ
พลังแห่งภาพยนตร์มันต้องเป็นแบบนี้สิน่า มันต้องให้เราได้มากไปกว่าความสนุกสนานหฤหรรษ์ มันต้องต้องนำพาเรา ความคิดของเราไปสู่ระดับชั้นที่สูงขึ้น มันต้องเปิดหูเปิดตาเราให้กว้างขึ้นไกลขึ้น พลังและอำนาจแห่งภาพยนตร์มันต้องมีแนวทางนี้บ้าง ฉันเชื่อเช่นนั้น
หนังสารคดีเรื่องนี้ไปถ่ายกันที่ "แอนตาร์ติก้า" หรือขั้วโลกใต้
ดินแดนที่นักสำรวจบอกว่า
The coldest, windiest, driest, darkest continent of the planet.
ทวีปที่หนาวที่สุด ลมแรงที่สุด แห้งแล้งที่สุด และมืดมิดที่สุดในโลก
ก็มีแต่น้ำแข็งหนาราวๆ 2.5 กิโลเมตร ทั่วไปทั้งแดนดิน แล้วยังไปอยู่ใต้ไกลสุดกู่เพียงนั้น มันก็คงเป็นเช่นนั้นแล
Those who have fled fee but our ancestors decide to stay
ตัวที่บินได้ก็จากไปแล้ว แต่บรรพบุรุษของเราตกลงอยู่
Whatever the cost and defy the spreading chill.
สู้ความหนาวยะเยือกที่แผ่กระจายไปทั่ว
ในหนังเขาใช้เสียงคนบรรยายแทนนกเพนกวิน
ธรรมชาติก็ช่างทำเรื่องประหลาด ดินแดนหนาวเย็นแล้งไร้ขนาดนั้น ก็ยังอุตส่าห์หาทางส่งสิ่งมีชีวิตไปอยู่ไปกิน แล้วยังอยู่ได้อีกแน่ะ
Time has passed and the earth has changed a hundred times.
เวลาผันผ่าน และโลกเปลี่ยนไปเป็นร้อยครั้ง
But still we stand here like sentries.
แต่เรายังยืนอยู่ตรงนี้เหมือนทหารรักษาวัง
ทำไมเพนกวินต้องอยู่ที่นี่?
ก็มันเกิดที่นี่ บินก็ไม่ได้ จะให้หนีไปไหน และที่สำคัญ มันอยู่ของมันได้ ฉันเลยว่ามันก็เลยอยู่
หนังสารคดีเรื่องนี้ทำให้เรารู้และเห็นกับตาว่าเพนกวินอยู่กันได้อย่างไร ไม่ได้สุขสบาย แต่มันก็อยู่กันได้อยู่กันไป ร่วมใจกันอยู่ แต่ก็มีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่มันก็แสดงความเป็นปึกแผ่นเป็นแก่นสารให้เราเหล่ามนุษย์ได้อายกันเลยแหละ ไม่มากก็น้อย!
แล้วเรื่องราวก็เริ่มต้น
When the Moon and the Sun meet at midday,
เมื่อพระจันทร์และพระอาทิตย์พบกันตอนกลางวัน
our tribe rises up and starts walking.
เผ่าของเราก็ลุกขึ้นและออกเดิน
นกเพนกวินเดินกันเป็นแถวยาว เดินห่างจากทะเลลึกเขาไปในแผ่นดิน ระหว่างทางก็ไปเจอนกเพนกวินต่างกลุ่มก็เดินมาเหมือนกัน ก็เลยสมทบกัน เดินไปอีก ก็เจออีกกลุ่ม ยิ่งเดินแถวยิ่งยาว นกเพนกวินเป็นร้อยๆ ตัวเดินไปด้วยกัน เป็นภาพตื่นตาตื่นใจมากๆ
ในหนังเขาเรียกว่า the long journey of the caravan - การเดินทางอันยาวไกลของกองคาราวาน
มันยาวจริงๆ ยาวเห็นๆ แถมเป็นนกเพนกวินตัวจริงเสียงจริงอีกต่างหาก ไม่ใช้ตัวแสดงแทน!
Caravans from every direction meet and gather
กองคาราวานจากทุกทิศทุกทางมาพบกันและรวมตัวกัน
more or less on the same day
วันเดียวกันโดยประมาณ
at the same time, in the same place
เวลาเดียวกัน สถานที่แห่งเดียวกัน
as if by magic.
อย่างกับต้องมนต์สะกด
ไม่มีใครรู้ว่านกเพนกวินใช้วิธีการใด นักวิทยาศาสตร์ที่ไปจดไปจ้องไปเฝ้าดูมันมาก็ไม่อาจรู้ได้ ได้แต่เห็น ว่าถึงเวลามันก็มา
นกเพนกวินมารวมตัวกันหาคู่และผสมพันธุ์
ตลกดี ความที่ตัวเมียมีมากกว่าตัวผู้ มันเลยมีตบตีกัน ไม่ถึงขนาดตามตบหน้าหันล้มคว่ำก็ตามไปซ้ำ อย่างกับละครไทยในทีวี แต่นกเพนกวินเจริญแล้ว เลยตบกันพองาม นกเพนกวินเอาปีกที่หน้าตาเหมือนครีบนั่นแหละตบกันดังแปะๆ เพี้ยะๆ แสดงเจตนารมณ์ว่าชายตัวนี้แหละอยากแย่ง พอเห็นเขารักกันจริงแย่งไม่ได้ ก็แค่เดินเชิดๆ เริ่ดๆ จากไปโดยดี
We marry for the year of the single mate.
เราจะตกลงเป็นคู่แต่งงานกันปีนี้
แบบว่าปีหน้าเปลี่ยนคู่ไง เราจะรักเดียวใจเดียว แต่ภายในขวบปีนี้เท่านั้นน่ะ สัญญาของนกเพนกวินน่าจะเป็นเช่นนี้
แล้วฉันก็ได้เห็นนกเพนกวินแสดงอาการรักใคร่ไยดีต่อกัน แบบในปฏิทินที่นกเพนกวินสองตัวเขาก้มหัวต่ำๆ แล้วเอาหัวมาชนกัน ถ่ายรูปออกมาแล้วจะเหมือนรูปหัวใจ คราวนี้ได้เห็นตั้งแต่เริ่มนัวเนียๆ จนรักกัน จนออกไข่ออกมา 1 ฟอง
นกเพนกวินใช้พุงและอุ้งเท้ากกไข่ ขืนปล่อยให้ตกถึงพื้น ไข่ก็แข็งตายน่ะสิ
พอออกไข่เสร็จตัวเมียก็จะเสียพลังงานมาก ก็จะต้องออกเดินทางกลับไปทะเล สะสมอาหาร นกตัวพ่อก็ต้องกกไข่แทน ตอนค่อยๆ เลื่อนไข่ออกจากพุงแม่นกไปหาพ่อนกนี่สิเป็นตอนที่น่าตื่นเต้นอีกตอน เลื่อนแรงไปไข่ก็จะแตก และเราก็จะเศร้า
แม่นกจะหายไปเป็นเดือนๆ พ่อนกจะทำแค่ยืนบนส้นเท้ากกไข่ต้านลมหนาวและพายุหิมะอีกเป็นเดือนๆ ไปเพียงลำพัง
บางทีแม่นกก็ไม่ได้กลับมา เพราะที่ทะเลมีแมวน้ำและศัตรูอื่นๆ ที่ต้องหาเลี้ยงชีวิตตัวเองอยู่เหมือนกัน
ในขณะเดียวกัน พ่อนกต้องยืนและอดอาหารนาน 3-4 เดือน บางทีก็ไม่ไหวจึงจากไปก่อน
พอแม่นกกลับมาเปลี่ยนเวร พ่อนกก็ออกเดินทางไปทะเล บางทีก็สิ้นเรี่ยวแรงกลางทางยังไม่ถึงทะเล บางทีก็สิ้นเรี่ยวแรงในทะเล บางครั้งก็เจอศัตรู
Who will win, life or winter?
ใครเป็นฝ่ายชนะ ชีวิตหรือลมหนาว?
นั่นน่ะสิ มันก็สุดแท้แต่ว่าใคร
ถึงแม้ว่าลูกนกจะออกจากไข่รอดตายมาได้ ก็ใช่จะรอดไปตลอด เมื่อถึงที่สุด ถึงคราวที่พ่อนกเป็นฝ่ายไป แล้วไม่กลับมาเสียที แม่นกก็ต้องยอมทิ้งลูกให้อยู่กับฝูงเพียงลำพัง เสี่ยงตาย ถ้าโชคดีก็รอดปากเหยี่ยวปากกาที่บินผ่านมา ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก
แล้วพอโตขึ้นอายุได้ 5 ขวบ ลูกนกก็จะได้ออกเดินทางแบบนี้เป็นวัฏจักรไป
แต่ในความเป็นจริงอันแสนเศร้า นกเพนกวินก็มีจำนวนลดน้อยลงเรื่อยๆ เพราะภาวะโลกร้อน พอโลกร้อนขึ้นน้ำแข็งก็จะละลายเร็วขึ้น บางทีมันละลายจนก้อนน้ำแข็งมาปิดเส้นทางการเดินทาง จากเดินทาง 21 วันอย่างที่เห็นนี้ก็จะกลายเป็นมากกว่า นกเพนกวินล้มตายระหว่างทาง ตั้งแต่ยังไปไม่ถึงไหน บางทีน้ำแข็งก็ละลายทำให้แผ่นดินกลายเป็นน้ำเร็วเกินไป นกเพนกวินยังว่ายน้ำไม่แข็ง ก็ต้องจมน้ำตายไปก่อนเวลาอันควร
ปี 2005 เป็นปีที่ดีนะ มีหนังอย่างคิงคองแล้วก็มีหนังสารคดีนกเพนกวินนี้ แต่เมืองฝาหรั่งยังมีหนังดีๆ อีกมากมายที่ยังไม่มาฉายในเมืองไทย ถ้าผู้จัดจำหน่ายหนังชักช้าแบบนี้ไปเรื่อยๆ ฉันว่าไม่นานผู้ชมในโรงหนังของไทยคงจะลดน้อยลงเรื่อยๆ ก็ลดฉันไปหนึ่งคนนั่นแหละ เพราะฉันก็จะไปซื้อดีวีดีมาดูก่อนแล้วเชิ้บๆ ภาวะโลกร้อนเช่นนี้ ไม่รู้ฉันจะตายวันตายพรุ่ง การปล่อยให้นั่งรอหนังดีๆ มาฉายในโรง มันช่างเสียเวลาเปล่าๆ ปลี้ๆ เสียนี่กระไร ฉันคิดว่านะ
ฉันเอง
พลังแห่งภาพยนตร์มันต้องเป็นแบบนี้สิน่า มันต้องให้เราได้มากไปกว่าความสนุกสนานหฤหรรษ์ มันต้องต้องนำพาเรา ความคิดของเราไปสู่ระดับชั้นที่สูงขึ้น มันต้องเปิดหูเปิดตาเราให้กว้างขึ้นไกลขึ้น
ใช่ๆๆ
ห้ามพลาดสารคดีเรื่องนี้กันเลยนะทุกท่าน :)
The March of the Penguins
คุณ SA
ข้าพเจ้า ชอบเจ้าเพนกวินมากเลย
ตอนไปเห็นตัวจริง และไปศึกษาวิถีชีวิตของน้องเพน
น่ารักมาก
ไม่ว่าจะเป็นตอนเดิน
ตอนโดดเล่นน้ำ
ข้าพเจ้าเลยไปซื้อน้องเพนกวินเก็บไว้
กะว่าจะสะสมเลย เป็นไง
Have a nice day ^____^
ps: ไม่เห็นอัพเดทเรื่องราวเลย งานยุ่งซิท่า
take care ja.
Post a Comment
<< Home