There are no coincidences in the universe.

Solitary Animal: Make Your Day Count

Wednesday, October 12, 2005

Make Your Day Count

คุณเคยรู้สึกไหม ว่าชีวิตช่างลำบาก คุณไม่อยากอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างที่เป็นอยู่ คุณรู้สึกว่าชีวิตนั้น เป็นทุกข์ อาชีพการงานไม่ได้ดั่งใจ อะไร ๆ ก็ผิดพลาดไปหมด ? เรื่องราวต่อไปนี้ อาจจะเปลี่ยนแปลง ทัศนคติที่คุณมีต่อชีวิตคุณได้...

ที่มา : Fwd Mail

7 Comments:

Blogger solitary animal said...

ผมสนทนากับเพื่อนคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานสองอย่าง รายได้แต่ละเดือนหักลบรายจ่ายแล้วยังเหลือแค่พันกว่า แต่เขาก็มีความสุขมากแล้ว ผมแปลกใจมากที่เขามีความสุขขนาดนั้น เพราะเขามีรายได้น้อย ต้องประหยัดมัธยัสถ์ จึงจะพอมีเหลือเลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่สูงอายุ พ่อตาแม่ยาย ภรรยาและลูกสาวอีกสองคน ไหนจะค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จุกจิกภายในครอบครัว

เขาอธิบายให้ฟังว่า เป็นเพราะหลายปีก่อนเขาได้เห็นเหตุการณ์บางอย่างที่ประเทศอินเดีย ขณะนั้นเขาประสบปัญหาที่สาหัสมาก สภาพจิตใจตกต่ำ จึงไปเที่ยวอินเดียเพื่อให้สบายใจขึ้น เขาได้เห็นกับตา ผู้หญิงชาวอินเดียคนหนึ่ง ถือมีดอีโต้ตัดแขนขวาของลูกตัวเอง สายตาที่หมดหวังของผู้หญิงคนนั้น และเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดของเด็กอายุสี่ขวบ...จนบัดนี้ยังวนเวียนอยู่ในใจเขามิรู้ลืม

คุณอาจจะถามว่า ทำไมแม่คนนั้นจึงต้องทำเช่นนี้ ?

เป็นเพราะลูกของเธอซุกซนเกินไปหรือเปล่า ? หรือ

เป็นเพราะแขนของเด็กติดเชื้อ ?

ไม่ใช่...

ที่แท้ทำไปเพื่อให้เด็กสามารถไปขอทานตามถนน! แม่ผู้สิ้นหวังคนนั้นจงใจทำให้ลูกตัวเองพิการ เพื่อเขา
สามารถออกขอทานตามท้องถนนได้ เพื่อนของผมคนนี้ตกใจแทบช๊อก ขนมปังในมือของเขาที่เพิ่งกินได้ครึ่ง
ก้อนตกหล่นลงพื้น ทันทีทันใดก็มีเด็ก ๆ ห้าหกคนกรูกันเข้ามา แย่งชิงขนมปังที่เลอะทรายบนพื้น เหมือนกับ
ปฏิกิริยาอัตโนมัติเวลาผจญกับความหิวโหย เขาตกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว ไกด์ของเขาขับรถพาเขาไป
ยังร้านขนมปังที่ใกล้ที่สุด เขาเข้าไปในสองร้านของละแวกนั้น ขอซื้อขนมปังทั้งหมดในร้านเจ้าของร้าน
ขนมปังแปลกใจมาก แต่ก็ยินดีขายขนมปังทั้งหมดให้เขา เขาใช้เงินทั้งหมดไม่ถึงหนึ่งร้อยเหรียญ ซื้อขนม
ปังมาประมาณสี่ร้อยกว่าก้อน (ตกก้อนละไม่ถึง 25 เซน) แล้วใช้อีกหนึ่งร้อยเหรียญซื้อของใช้ประจำวัน
และแล้ว เขาก็นั่งบนรถบรรทุกที่บรรทุกขนมปังไว้เต็มคันรถ ขับไปบนถนน ขณะที่เขาแจกจ่ายขนมปังและ
ของใช้ประจำวันให้กับเด็ก ๆ ซึ่งพิการเป็นส่วนใหญ่นั้นพวกเขาล้วนโค้งคำนับให้ด้วยความดีใจนั่นเองเป็น
ครั้งแรกในชีวิตที่เขาคิดได้ว่าทำไมคนเราจึงสามารถละทิ้งศักดิ์ศรีของตนเองเพียงเพื่อชิ้นขนมปังราคาไม่
ถึง 25 เซน

เขาเริ่มบอกตนเองว่าตนเองนั้นโชคดีแค่ไหนเขามีร่างกายครบสามสิบสอง มีอาชีพการงาน มีครอบครัว มีโอกาสบ่นว่าอาหารชิ้นไหนดี อาหารชิ้นไหนไม่อร่อย มีโอกาสสวมใส่เสื้อผ้า มีโอกาสครอบครองสิ่งของมากมายที่คนเหล่านี้ไม่มี

ตอนนี้ ผมเริ่มคิดได้และตระหนักได้ว่า ชีวิตของผมมันย่ำแย่จริงหรือ? บางทีมันอาจไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้นก็ได้ คุณละ? บางทีเมื่อครั้งหน้าคุณรู้สึกว่าชีวิตของตนกำลังย่ำแย่ ลองคิดถึงเด็กคนที่ต้องเสียแขนเพื่อเป็นขอทานคนนั้นดูสิ !!!

"ความรู้สึกพอ" ไม่ใช่มาจากการเติมเต็มสิ่งที่คุณต้องการ แต่มาจากการตระหนักว่าคุณมีมากมาย และเพียงพอเมื่อประตูแห่งความสุขปิดลง ประตูอีกบานหนึ่งก็จะเปิดออก แต่บ่อยครั้งเรามัวแต่จ้องบานประตูที่ปิดลงเท่านั้น ไม่ได้สังเกตเห็นประตูอีกบานหนึ่งที่เปิดออกเพื่อเรา จริงอยู่พวกเรามักจะรู้ว่าตนเองมี ก็ต่อเมื่อเราสูญเสียมัน แต่พวกเราก็ต้องคอยจนกว่าของสิ่งนั้นมาถึง จึงจะรู้ตัวว่าเราไม่มีมัน

การมอบความรักทั้งหมดให้กับผู้อื่น มิได้หมายความว่า
เราจะได้รับความรักตอบกลับมาอย่างเท่าเทียมกัน อย่าหวังว่ารักผู้อื่นแล้วผู้อื่นจะรักตอบ จงสนใจแค่ให้ความรักนั้นเติบโตขึ้นในใจพวกเขา แต่ถ้าไม่เติบโตขึ้นเลย ก็จงพอใจกับความรักที่เติบโตขึ้นในใจของคุณเอง

หนึ่งนาทีจึงจะทำลายคน ๆ หนึ่งได้ หนึ่งชั่วโมงจึงจะชอบคน ๆ หนึ่งได้ หนึ่งวันจึงจะรักคน ๆ หนึ่งได้ แต่ต้องใช้เวลาตลอดชั่วชีวิต จึงจะลืมคน ๆ หนึ่งได้ จงอย่ามองเพียงรูปภายนอก เพราะสักวันมันจะหลอกคุณ จงอย่ามองแค่ความร่ำรวย ทรัพย์สมบัติ เพราะสักวันมันจะซีดจางลง หาใครสักคนที่ยิ้มให้คุณ เพราะเมื่อมีร้อยยิ้ม จะทำให้อารมณ์ของคุณดีขึ้น หาใครสักคนที่ทำให้คุณอมยิ้มได้จากใจจริง

บางครั้ง เมื่อคุณคิดถึงใครสักคน ความคิดถึงนั้นอาจถึงขั้นให้คุณคว้าตัวเขาออกมาจากความฝัน โอบกอดตัวเขาเอาไว้ ไล่ตามความฝันของคุณเอง ไปยังที่ ๆ คุณอยากไป เป็นอย่างคนที่คุณอยากเป็น เพราะคุณมีเพียงชีวิตเดียว ซึ่งหมายถึงมีเพียงโอกาสเดียว ในการทำสิ่งที่คุณอยากทำ

แปลจากบทความของ "โหว เหวินหย่ง" (เจ้าของผลงาน เกิดมาซน ทั้งสองเล่ม)

Wednesday, October 12, 2005 9:46:00 AM  
Anonymous Anonymous said...

ขอบคุณที่นำสิ่งดีงามมาแบ่งปันกัน

Wednesday, October 12, 2005 12:02:00 PM  
Blogger solitary animal said...

ยินดีมากๆ จ้า tara :)

Wednesday, October 12, 2005 4:07:00 PM  
Blogger usa said...

yes, thank you, just when i need it. :)

Thursday, October 13, 2005 12:25:00 AM  
Blogger solitary animal said...

Hi Usa, it's my pleasure to share this thing too :)


Around the corner I have a friend,
ฉันมีเพื่อนที่อยู่ไม่ไกล
In this great city that has no end,
ในเมืองใหญ่ที่ไม่มีวันหลับไหล
Yet the days go by and weeks rush on,
และเวลาก็ยังคงผ่านไป
And before I know it, a year is gone.
ฉันไม่เคยรู้ว่านานแค่ไหน
And I never see my old friends face,
แต่ฉันไม่เคยเจอเพื่อนเก่าคนนั้น

For life is a swift and terrible race,
เพราะชีวิตที่มีแต่การเปลี่ยนแปลงและแข่งขัน

he knows I like him just as well,
รู้แต่ว่าเขาคงสบายดีเช่นกัน
As in the days when I rang his bell.

จนวันหนึ่งอยากลองไปหาดูสักที
And he rang mine but we were younger then,
เพื่อนที่เราเคยมีความรู้สึกดี ๆ

And now we are busy, tired men.
แต่ตอนนี้เรายุ่งและเหนื่อยล้า
Tired of playing a foolish game,

ต้องฟันผ่ากับเกมอันหลากหลาย
Tired of trying to make a name.
เหนื่อยหน่ายกับการสร้างชื่
"Tomorrow" I say! "I will call on Jim

พรุ่งนี้แล้วกันนะฉันจะโทรหา
Just to show that I'm thinking of him."
ปลอบตัวเองว่าเรายังมีเพื่อนให้คิดถึงอยู่
But tomorrow comes and tomorrow goes,

แต่พรุ่งนี้ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
And distance between us grows and grows.
ระยะทางระหว่างเรายิ่งไกล
Around the corner, yet miles away,

เพื่อนที่อยู่ใกล้กลับเหมือนอยู่ห่างร้อยไมล์
"Here's a telegram sir," "Jim died today."
จนได้ข่าวว่าเพื่อนจากเราไป
And that's what we get and deserve in the end.

นี่คือสิ่งที่เราสมควรได้หรืออย่างไร
Around the corner, a vanished friend.
ที่ตรงนั้นไม่ไกล แต่ว่าเพื่อนฉันไม่อยู่อีกต่อไป

Remember to always say what you mean.
จงพูดอย่างที??ใจคิด
If you love someone, tell them.
ถ้าคุณรักใครสักคนก็บอกเขาไป


Don't be afraid to express yourself.
อย่ากลัวที่จะเผยความรู้สึก
Reach out and tell someone what they mean to you.
เปิดใจและบอกคนที่มีความหมายกับคุณ
Because when you decide that it is the right time it might

เพราะหากคุณรอจนถึงเวลาที่เหมาะสม วันนั้นอาจจะช้าไป
be too late.



Seize the day. Never have regrets.
หาโอกาสในวันนี้ แล้วคุณจะไม่มีวันเสียใจทีหลัง
And most importantly, stay close to your friends

and family, for they have helped

make you the person that you are today.

สิ่งที่สำคัญที่สุด จงอย่าละเลยเพื่อนและครอบครัว เพราะพวกเขาทำให้คุณเป็นอย่างที่คุณเป็นทุกวันนี้

Thursday, October 13, 2005 10:24:00 AM  
Anonymous Anonymous said...

อ่านแล้ว ... มันทำให้เราพอใจกับสิ่งที่มีขึ้นเยอะเลย..จริงๆ

Thanks for sharing this !

R.Clintcaid

Thursday, October 13, 2005 10:43:00 PM  
Blogger solitary animal said...

มันคงเศร้ามากเลยนะ หากว่าเราต่างต้องดำรงชีวิตอยู่ในสภาวะที่วุ่นวาย สับสน แข่งขัน แต่ไม่มีการแบ่งปันความรู้สึกลึกๆ ด้วยกัน!

ด้วยมิตรภาพ
- สัตว์ (เปลี่ยว) เศรษฐกิจ (ชอบสันโดษและโอดครวญเป็นระยะ) :)

Friday, October 14, 2005 8:35:00 AM  

Post a Comment

<< Home

Gabu on Facebook