There are no coincidences in the universe.

Solitary Animal: Chart Mania

Tuesday, June 28, 2005

Chart Mania

"... คุณอย่ามาทำเป็นตีหน้าตายไปเลย ผมว่าคุณต้องเคยเที่ยวอาบอบนวดมาบ้างล่ะ อายุขนาดคุณ ผู้ชายที่ใช้ชีวิตมาอย่างคุณ ถ้าคุณบอกผมว่าคุณไม่เคยเที่ยวอาบอบนวด คุณควรโกหกเรื่องอื่นดีกว่า เช่นว่า เอ้อ...บอกว่าไม่เคยบินไปเล่นรูเล็ตต์ที่ออสเตรเลีย อันนี้ยังน่าเชื่อกว่า" รองนายกรัฐมนตรีพิชิตหัวเราะขณะล้วงกระเป๋าสตางค์
"เถอะ ผมว่าลองดู นี่รักคุณเหมือนลูกนะถึงบอก แต่ขอให้เป็นความลับ เข้าใจไหม...ผู้ใหญ่หลายคนในคณะรัฐมนตรีเราใช้บริการอยู่ ได้ผลทุกคน อย่าคิดมาก ทำใจะว่าคุณไปเที่ยวอาบอบนวดก็แล้วกัน ให้เขานวดหน่อย แรกๆ อาจจะอาย ต่อไปก็ชิน นี่นามบัตร...อ้างชื่อผม"
รัฐมนตรีช่วยพิทักษ์ไทย รับนามบัตรจากมือรองนายกรัฐมนตรีพิชิตมาดู

โต ตีนโบราณ
บริการรับนวดหน้าด้วยฝ่าเท้า (ตลอด ๒๔ ชั่วโมง)

1 Comments:

Blogger solitary animal said...

จุดประกาย วรรณกรรม
ปีที่ 16 ฉบับที่
วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2548

พรานอักษร



ชื่อเรื่อง.... เรื่องสั้นในทัศนะของนักเขียนใหม่ (คนหนึ่ง)

บายไลน์... แพรใจ ประกายจันทร์

------------------------------

แม้จะมีการตั้งหัวข้อที่ฟังดูค่อนข้างจริงจัง และหนักแน่นว่า "เรื่องสั้นในทัศนะของนักเขียนใหม่" แต่การพูดคุยเสวนาในคราครั้งนี้ กลับดำเนินไปด้วยความรู้สึกสบายๆ และผ่อนคลายอย่างยิ่ง

อีกทั้งนักเขียนรุ่นเดอะอย่าง ชาติ กอบจิตติ ก็บอกกล่าวแก่มิตรรักนักอ่านอย่างตรงไปตรงมาเสียแต่ตอนต้นว่า อยากให้เป็นการพูดคุยซักถามกันแบบสบายๆ มากกว่า เพราะนี่ไม่ใช่การทำข้อสอบ

บรรยากาศการเสวนาที่ร้านหนังสือเดินทาง ริมถนนพระอาทิตย์ในวันนั้น จึงดำเนินไปในท่ามกลางความรื่นรมย์ ที่คนเขียนหนังสือกับคนอ่านหนังสือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเป็นกันเอง โดยมีนักเขียนหน้าใหม่นาม ผาด พาสิกรณ์ ร่วมเสวนาด้วย โดยประเด็นที่พูดคุยส่วนใหญ่ ก็เป็นการเปรียบเทียบวิธีการทำงานของนักเขียนเก่า-ใหม่ ที่มีรูปแบบ และสไตล์เป็นของตนเอง

กล่าวสำหรับ ผาด พาสิกรณ์ แม้ชื่อเสียงเรียงนามจะฟังดูแปลกใหม่สำหรับคนบนถนนวรรณกรรม แต่ชายหนุ่มคนนี้ก็มีผลงานรวมเล่มของตนเองมาแล้วถึง 3 เล่ม ภายในระยะเวลาประมาณครึ่งปี ซึ่งนับเป็นสิ่งที่น่าทึ่งอยู่พอสมควร ที่สำคัญกว่านั้น คนที่ติดตามความเคลื่อนไหวในแวดวงวรรณกรรมมาอย่างต่อเนื่อง ย่อมรู้กันว่า นักเขียนหนุ่มคนนี้ เป็นทายาทของนักเขียนนามอุโฆษอย่าง 'พนมเทียน' ผู้เป็นเจ้าของผลงานอมตะชุด 'เพชรพระอุมา' นั่นเอง

"ผมว่าเรื่องสั้นในยุคของพี่ชาตินี่" ผาด แสดงความคิดเห็นต่อวิธีการทำงานของรุ่นพี่ "มันมีเรื่องของความตั้งใจที่จะเอาไปตีพิมพ์ตามหนังสือต่างๆ และนิตยสารหรือหนังสือแต่ละเล่มก็มีการวางกรอบเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งบังคับให้นักเขียนต้องเดินไปตามกรอบนั้น เพราะถ้าไม่ไปตามกรอบนั้น มันก็จะไม่ได้ลง"

และบอกอีกว่า "ผมไม่ทราบว่า เรื่องนี้มันจะเกี่ยวกันหรือเปล่านะ แต่สำหรับผม ผมไม่ต้องไปนั่งห่วงมากนักเกี่ยวกับเรื่องของนิตยสาร หรือหนังสือต่างๆ คือ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมเขียนเรื่องสั้นขึ้นมา แล้วก็พยายามที่จะส่งไปลงตามนิตยสาร เขาก็บอกว่ามันยาวเกินไป คือมันมี 10 หน้า ขอตัดเหลือ 5 หน้าได้ไหม ผมก็บอกว่า ตัดไม่ได้ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมก็เขียนออกมาอย่างที่ใจอยากจะเขียน คือ อยากจะเขียนอะไรก็เขียนมันออกมา โดยไม่ต้องคอยกังวลว่าจะต้องส่งไปลงที่ไหน" ผาด กล่าวถึงจุดแรกเริ่มของงานเขียนของตัวเอง

"แต่งานเขียนส่วนใหญ่ของผมก็มีพล็อตนะ" นักเขียนหนุ่ม กล่าวแย้ง เมื่อ 'ชาติ กอบจิตติ' กล่าวถึงประเด็นเรื่องการวางโครงเรื่องก่อนจะลงมือเขียน "อย่างบางเรื่องที่เป็นเรื่องยาว เราก็รู้ว่า เราจะใส่อะไรลงไปบ้าง และในช่วงไหน แต่บางทีตัวละครมันก็มีการพลิกไปอีกด้าน ซึ่งเราก็ต้องดูส่วนนั้นด้วย แต่เรื่องสั้นนี่ ผมวางพล็อตทุกเรื่องนะ"

พร้อมยังเล่าต่อว่า "ส่วนต้นกำเนิดของเรื่องราวหรือความคิดที่นำมาเขียน ก็จะเป็นเหตุการณ์ต่างๆ ที่เราเห็นมา แล้วเราก็คิดว่าเราจะทำอะไรกับมันดี จะเกี่ยวกับภาพๆ หนึ่ง ซึ่งประสบพบเจอมาในชีวิตแต่ละวัน"

ผาด พาสิกรณ์ กล่าวอีกว่า "นักเขียนควรจะมีบรรณาธิการ เพราะบรรณาธิการที่ดี จะมีส่วนช่วยได้อย่างมาก เกี่ยวกับการจัดวางตัวหนังสือและเรื่องอื่นๆ ที่นักเขียนอาจจะไม่มีความชำนาญ ดังนั้นบรรณาธิการจะเป็นคนที่ทำหน้าที่ดูแลให้งานเขียนมีความเรียบร้อยยิ่งขึ้น"

ปัจจุบัน ผาดไม่ได้ทำงานประจำ และเขียนหนังสือเป็นอาชีพหลัก!!!

ด้าน ชาติ กอบจิตติ นักเขียนดับเบิลรางวัลซีไรต์ เจ้าของผลงาน 'คำพิพากษา' ที่ได้รับการนำไปทำเป็นภาพยนตร์เมื่อไม่นานมานี้ แต่ในวันนี้เขามาพร้อมกับรวมเรื่องสั้นเล่มใหม่ในชื่อ 'รับบริการนวดหน้า' รวมเรื่องสั้นที่รัฐมนตรีใหม่ควรอ่าน

นักเขียนรุ่นใหญ่แสดงความคิดเห็นว่า "ผมชอบเรื่องสั้นของผาดนะ และพอผมได้อ่านงานของเขาแล้ว ผมรู้สึกตกใจว่า เอ๊ะ! เรื่องสั้นไทยนี่มันจะเคลื่อนแล้วเหรอ คือ ผมเองนี่ จะให้เขียนเรื่องในลักษณะที่ไม่มีพล็อตเลยนี่ ผมทำไม่เป็น แม้ว่าบางเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่มีพล็อต แต่นั่นแหละ...โคตรพล็อตเลย รายละเอียดนี่ เยอะมาก แต่ทำให้ดูเหมือนกับว่าไม่มีพล็อต"

พร้อมทั้งวิจารณ์ และเปรียบเทียบแนวการเขียนเรื่องสั้นในยุคของเขา "พอมาอ่านเรื่องของเขาแล้ว ผมรู้สึกว่ามันอ่านสบาย ในขณะเดียวกัน ผมก็เริ่มสงสัยว่า เรื่องสั้นมันเริ่มเคลื่อนแล้ว เพราะการเขียนหนังสือในสมัยของผม สิ่งแรกเลยก็คือ มันต้องมีพล็อต ไม่ว่าจะเป็นพล็อตกดขี่ ต่อสู้ แล้วก็ได้รับชัยชนะ คือเป็นลักษณะแบบพล็อตชี้นำ ดังนั้น รุ่นผมนี่ พล็อตเรื่องจะเป็นใหญ่รัดกุมมาก แล้วก็ใครจะมีฝีมือ ใครจะมีพรรณนาโวหาร หรือใครจะตัดต่อยังไง นั้นเป็นเรื่องย่อยลงไป"

เขายังบอกอีกว่า "ทุกพารากราฟของผมจะมีรายละเอียด มีเรื่องที่ต้องคิดไว้ในใจตลอด ผมไม่กล้าที่จะด้นอย่างคนอื่นเขา ผมรู้ว่าตนเองไม่มีความชำนาญในการด้น เลยต้องวางพล็อต คือ วางแม้กระทั่งคำพูด หรือคนพูดจะพูดยังไง ควรหยุดตรงไหน วางละเอียดมาก จนกระทั่ง 'ทิวา' (สาระจูฑะ) พูดว่าผมเป็นเจ้าชายละเอียด แม้ว่าพอเขียนออกมาแล้วดูเหมือนไม่ได้วาง แต่จริงๆ แล้วคือวาง ความคิดใหม่ที่จะผุดขึ้นมาในขณะลงมือเขียนนี่มีอยู่น้อยมาก แต่พอเขียนแล้วมาอ่านดูก็จะมีการแก้นิดๆ หน่อยๆ แก้คำบ้าง แก้ความบ้าง แต่พล็อตที่วางไว้นี่ไม่ได้แตะเลย"

นอกจากนี้เขายังเปรียบเทียบให้ชัดเจนขึ้นไปอีกว่า "มันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ถูกหรือผิดนะ หลักการทำงานของผมเหมือนการทำกับข้าว เราเตรียมของพร้อมแล้ว ตั้งเตา แล้วก็ผัดหรือต้มเลย นั่นคือ รายละเอียดพร้อมหมด แต่ของเขา (หมายถึงงานของผาด) คือ ต้มน้ำไว้ก่อน แล้วค่อยไปวิ่งฆ่าไก่ ตอนแรกอาจจะแกงไก่ แต่พอวิ่งไปฆ่าไก่ ไม่เจอไก่ ไปเจอหมู กระซวกหมูซะ เลยได้กินต้มหมูแทนต้มไก่"

"ในขณะที่งานของผาด ผมดูแล้วรู้สึกว่าไม่ได้วาง หรืออาจจะวาง แต่เป็นการวางอย่างคร่าวๆ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่ามันก็เป็นนิมิตหมายที่ดีของการเคลื่อนไปของเรื่องสั้นสมัยใหม่ของนักเขียนใหม่ เคยมีเหมือนกันที่ว่าต้องการแหวกออกไปเพื่อที่จะใหม่ แต่มันก็เป็นใหม่แบบเหงาๆ จะอยู่กับตัวเอง เหงา เศร้าอยู่ในห้องแคบๆ ไม่มีแสงแดด มันเป็นลักษณะของปัจเจกสูง แล้วก็หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง คืออ่านแรกๆ ผมก็รู้สึกทึ่งนะ แต่พออ่านๆ ไป แล้วเห็นเลยว่ามันซ้ำ มันอ่านไม่สบาย" ชาติ กอบจิตติ กล่าว

แต่ถ้าอยากจะล้วงลึกว่าพล็อตเรื่องสั้นของนักเขียนต่างรุ่นทั้งสองท่านนี้จะกลมกล่อมขนาดไหน ต้องไปติดตามหาอ่านเองแล้วล่ะ! 0

Tuesday, June 28, 2005 10:53:00 PM  

Post a Comment

<< Home

Gabu on Facebook