There are no coincidences in the universe.
Existing, living, or going without others; alone
View my complete profile
posted by solitary animal @ 7:32 PM
ประมาณต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา จำได้ว่าเข้านอนประมาณเที่ยงคืนเศษๆ หลังจากที่เข้านอนไปไม่นาน ก็รู้สึกตัวเพราะได้ยินเสียงหมาที่บ้านหอนขึ้นในความสงัด รู้สึกว่าเป็นเสียงหมาหอนที่วังเวงที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา ปราศจากเสียงใดๆ มาแทรก (แถมยังเป็นครั้งแรกที่รู้สุกว่าได้ยินชัดมากๆ เพราะครั้งนี้เรานอนอยู่ชั้นล่าง ห้องที่นอนก็อยู่ใกล้รัศมีของหมาทั้ง 3 ตัวที่นอนอยู่ตรงที่จอดรถ) จากความรู้สึกนั้น ก็ทำให้ไม่กล้าลืมตา ไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ ได้แต่พึมพำในใจ "เมื่อไรจะหยุดหอนซะที ได้โปรดดด" เช้าวันรุ่งขึ้น กระวีกระวาดจะออกไปทำงาน ลืมเรื่องหมาหอน จนแม่พูดขึ้นมาตอนเราจะขับรถออกจากบ้านว่า เมื่อคืนได้ยินเสียงหมาในบ้านเราหอนนานมาก หอนจนแม่รู้สึกกลัว...แสดงว่าแม่ก็ได้ยินเหมือนกัน ทั้งแม่ทั้งลูกได้ยินเสียงหมาหอนและรู้สึกถึงความกลัวในระดับนึง ยังเอาไปเล่าให้คนใกล้ชิดและพี่ที่ทำงานฟังเลย พี่ที่นั่งตรงข้ามกันบอกว่า ให้เราหาเวลาไปเข้าวัดทำบุญทำทานบ้าง เราก็รับอืมๆๆ (ก็เพิ่งแวะเข้าวัดชนะสงครามไปเมื่อคืนวันอาทิตย์เอง แวะไปตรอกข้าวสาร แล้วเอารถไปจอดในวัด แฮ่ะๆๆ)
อีกวันถัดมาแม่เล่าให้ฟังว่า...คืนที่หมาหอน พี่สะใภ้เราซึ่งอยู่บ้านเดียวกันนี้และนอนอยู่ชั้นบน ฝันว่าแม่ของเค้าเยี่ยม และบอกว่าสร้างบ้านบนภูเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะมารับเตี่ยไปอยู่ด้วย แล้วพี่สะใภ้เราก็ตกใจตื่น ตืนขึ้นมาก็ได้ยินเสียงหมาหอน...เสียงเดียวกับที่เรากะแม่ได้ยิน (ขนลุกซู่เลย)แล้วเมื่อวานนี้เอง (30 ก.ค.) เตี่ยของพี่สะใภ้เรา (หรือก๋งของตินติน) ก็จากไปอย่างสงบที่โรงพยาบาลหลังจากที่เตี่ยป่วยเป็นมะเร็งปอดมาได้ระยะนึง (ช่วงที่เตี่ยขึ้นมารักษาที่รพ.ศิริราช ก็จะแวะมาค้างที่บ้านเราบ้าง หรือไม่ก็บ้านที่หน้ารามฯ บ้าง)ขอให้ดวงวิญญาณของเตี่ยไปสู่สุคติ เราเชื่อและมั่นใจว่าตอนนี้เตี่ยจะได้กลับไปอยู่กะแม่บนภูเขาลูกนั้นอย่างมีความสุข หลุดพ้นจากสังขารอันทรมาน ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว ตินตินบอกว่าคุณยายขับรถมารับก๋งไปอยู่บนสวรรค์แล้ว (ช่างสะตอเบอรี่จริงๆ)
ขอให้ดวงวิญญาณไปสู่สุคติ เช่นกันคะ
Post a Comment
<< Home
3 Comments:
ประมาณต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา จำได้ว่าเข้านอนประมาณเที่ยงคืนเศษๆ หลังจากที่เข้านอนไปไม่นาน ก็รู้สึกตัวเพราะได้ยินเสียงหมาที่บ้านหอนขึ้นในความสงัด รู้สึกว่าเป็นเสียงหมาหอนที่วังเวงที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา ปราศจากเสียงใดๆ มาแทรก (แถมยังเป็นครั้งแรกที่รู้สุกว่าได้ยินชัดมากๆ เพราะครั้งนี้เรานอนอยู่ชั้นล่าง ห้องที่นอนก็อยู่ใกล้รัศมีของหมาทั้ง 3 ตัวที่นอนอยู่ตรงที่จอดรถ)
จากความรู้สึกนั้น ก็ทำให้ไม่กล้าลืมตา ไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ ได้แต่พึมพำในใจ "เมื่อไรจะหยุดหอนซะที ได้โปรดดด"
เช้าวันรุ่งขึ้น กระวีกระวาดจะออกไปทำงาน ลืมเรื่องหมาหอน จนแม่พูดขึ้นมาตอนเราจะขับรถออกจากบ้านว่า เมื่อคืนได้ยินเสียงหมาในบ้านเราหอนนานมาก หอนจนแม่รู้สึกกลัว...แสดงว่าแม่ก็ได้ยินเหมือนกัน ทั้งแม่ทั้งลูกได้ยินเสียงหมาหอนและรู้สึกถึงความกลัวในระดับนึง ยังเอาไปเล่าให้คนใกล้ชิดและพี่ที่ทำงานฟังเลย พี่ที่นั่งตรงข้ามกันบอกว่า ให้เราหาเวลาไปเข้าวัดทำบุญทำทานบ้าง เราก็รับอืมๆๆ (ก็เพิ่งแวะเข้าวัดชนะสงครามไปเมื่อคืนวันอาทิตย์เอง แวะไปตรอกข้าวสาร แล้วเอารถไปจอดในวัด แฮ่ะๆๆ)
อีกวันถัดมาแม่เล่าให้ฟังว่า...
คืนที่หมาหอน พี่สะใภ้เราซึ่งอยู่บ้านเดียวกันนี้และนอนอยู่ชั้นบน ฝันว่าแม่ของเค้าเยี่ยม และบอกว่าสร้างบ้านบนภูเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะมารับเตี่ยไปอยู่ด้วย แล้วพี่สะใภ้เราก็ตกใจตื่น ตืนขึ้นมาก็ได้ยินเสียงหมาหอน...เสียงเดียวกับที่เรากะแม่ได้ยิน (ขนลุกซู่เลย)
แล้วเมื่อวานนี้เอง (30 ก.ค.) เตี่ยของพี่สะใภ้เรา (หรือก๋งของตินติน) ก็จากไปอย่างสงบที่โรงพยาบาลหลังจากที่เตี่ยป่วยเป็นมะเร็งปอดมาได้ระยะนึง (ช่วงที่เตี่ยขึ้นมารักษาที่รพ.ศิริราช ก็จะแวะมาค้างที่บ้านเราบ้าง หรือไม่ก็บ้านที่หน้ารามฯ บ้าง)
ขอให้ดวงวิญญาณของเตี่ยไปสู่สุคติ เราเชื่อและมั่นใจว่าตอนนี้เตี่ยจะได้กลับไปอยู่กะแม่บนภูเขาลูกนั้นอย่างมีความสุข หลุดพ้นจากสังขารอันทรมาน ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว
ตินตินบอกว่าคุณยายขับรถมารับก๋งไปอยู่บนสวรรค์แล้ว (ช่างสะตอเบอรี่จริงๆ)
ขอให้ดวงวิญญาณไปสู่สุคติ เช่นกันคะ
Post a Comment
<< Home