There are no coincidences in the universe.

Solitary Animal: สุดทางทุกข์ (At Hell's Gate)

Wednesday, October 15, 2008

สุดทางทุกข์ (At Hell's Gate)




9 Comments:

Blogger solitary animal said...

'สุดทางทุกข์' หนังสือแปลล่าสุดจากสำนักพิมพ์โอ้มายก้อด จากต้นฉบับหนังสือภาษอังกฤษ At Hell's Gate : A Soldier's Journey from War to Peace
เขียนโดย Claude Anshin Thomas

ขออนุญาตคัดบทความจากนสพ.กรุงเทพธุรกิจมาฝากกัน (เผยแพร่ตั้งแต่ 17 กุมภาพันธ์ 2551 นู่น)

to be continued

Thursday, October 16, 2008 12:01:00 AM  
Blogger solitary animal said...

Claude Anshin Thomas : บันทึกจากสมรภูมิสู่สันติภาพ

นงค์ลักษณ์ เหล่าวอ
nonglakspace@gmail.com

At Hell's Gate บันทึกความทรงจำซึ่งถ่ายทอดออกมาอย่างดิบเถื่อน และทำให้ผู้ที่ได้อ่านมองเห็นภาพของอดีตนายทหารผ่านศึกประจำเฮลิคอปเตอร์จู่โจมทางอากาศ อันเป็นเวลาและห้วงชีวิตหนึ่งของ คล็อด แอนชิน โทมัส (Claude Anshin Thomas)

โทมัสอดีตทหารผ่านศึกชาวอเมริกัน ถ่ายทอดเรื่องราวอย่างเร้าอารมณ์ผู้อ่านในช่วงที่เขารับใช้ประเทศบ้านเกิด เพื่อต่อสู้กับทหารเวียดนาม โดยหลังจากสำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ปี 1955 โทมัสสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพสหรัฐ เมื่อผ่านกระบวนการฝึกฝนแล้ว เขาจึงอาสาเข้าปฏิบัติหน้าที่ในเวียดนามในฐานะหัวหน้าทหารผ่านศึกประจำเฮลิคอปเตอร์ โดยเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่กันยายน 1966 ถึงพฤศจิกายน 1967 ตอนที่เป็นทหารผ่านศึกในเวียดนาม โทมัสมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น ช่วงที่เป็นทหารเขาถูกยิงได้รับบาดเจ็บรวมแล้วห้าครั้งด้วยกัน เขาปลดประจำการจากกองทัพสหรัฐในเดือนสิงหาคม 1968

ด้วยวัยเพียง 18 ปี กับชีวิตของการเป็นทหาร โทมัสรู้ตัวว่าสงครามครั้งนั้นทำให้เขาแหลกสลายทางด้านความรู้สึก ซึ่งเขาถ่ายทอดออกมาในงานเขียน At Hell's Gate ว่าเขาทำเช่นไรบ้างในการเยียวยาตัวเอง เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจให้ไปสู่หนทางแห่งสันติสุข-สันติภาพ การที่เขาต้องเข่นฆ่าผู้คนมากมายในการรบเป็นประจักษ์พยานที่ประสบกับความป่าเถื่อนในสงครามและราวกับหมาจนตรอกเมื่อต้องหนีตายอย่างหัวซุกหัวซุนในสงครามครั้งนั้น เป็นภาคส่วนสำคัญในหนังสือเล่มนี้

พอกลับบ้านเกิดหลังจากที่ปลดประจำการแล้ว โทมัสรู้ตัวว่าชีวิตของตัวเองตกอยู่ในสภาพของคนที่ยังคงมีชีวิตอยู่กับสงคราม เขาติดกับดักความรู้สึกต่างๆ ที่แผ่ซึมเข้ามาสู่จิตใต้สำนึก จนยากเกินกว่าจะสลัดทิ้งไปได้ โทมัสถูกความรู้สึกผิด ความกลัว ความโกรธแค้น และความหดหู่เข้าครอบงำจิตใจ อันเป็นผลพวงมาจากสภาวะความตึงเครียดในสงคราม เป็นเวลาหลายปีที่เขาต้องต่อสู้กับความเครียดนี้ เขาติดยาและติดสุรา โดดเดี่ยวอ้างว้าง และไม่มีที่พักพิง

ระหว่างนี้เขาร่ำเรียนจนสำเร็จปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาการศึกษาภาษาอังกฤษ และเข้าอบรมการเขียนเชิงสร้างสรรค์ โดยเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยสลิปเปอร์รี่ร็อค รัฐเพนซิลเวเนีย อันเป็นรัฐบ้านเกิดเมืองนอน หลังสำเร็จการศึกษา โทมัสเดินทางไปยังยุโรป เอเชีย และตะวันออกไกล แล้วกลับมาประกอบอาชีพด้านดนตรีเป็นเวลาถึง 11 ปี พร้อมกับออกอัลบั้ม 4 อัลบั้ม เป็นเพลงร็อคแอนด์โรลที่ปลุกจิตสำนึกทางสังคม

ช่วงชีวิตของโทมัสระหว่างนี้ เขาอุทิศตนเพื่อทำกิจกรรมทางการเมืองและสังคมเพื่อยุติสงครามในเวียดนามและให้ความช่วยเหลือเพื่อนทหารผ่านศึกชาวอเมริกัน ซึ่งหลังจากเพื่อนๆ ทหารผ่านศึกเหล่านั้นปลดประจำการ ก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกับเขา ที่จำเป็นต้องได้รับการเยียวยารักษาทางด้านจิตใจ

โทมัสให้ความสนใจและศึกษาศาสตร์ของการต่อสู้กำลังภายในอีกแขนง นั่นคือกังฟูแบบเส้าหลิน จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฮอบคิโดะ จนมีลูกศิษย์ลูกหามากกว่า 500 คน และเขายังศึกษาต่อระดับปริญญาโท จนสำเร็จการศึกษาด้านการจัดการจากวิทยาลัยเลสลีย์ในเคมบริดจ์

การได้รู้จักกับท่านติช นัท ฮันห์ นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของโทมัส การฝึกปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิที่หมู่บ้านพลัมในฝรั่งเศส รับฟังหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา ช่วยจรรโลงจิตใจอันบอบช้ำและเยียวยารักษาอดีตอันแสนเลวร้ายของโทมัส จากการที่เขาต้องเผชิญกับความเครียดในสงคราม ท่านติช นัท ฮันห์ ได้ทำให้จิตใจอันแหลกสลายและบอบช้ำของโทมัสฟื้นคืนมาสู่สันติสุข และสันติภาพภายในจิตใจ หลังจากนั้นโทมัสจึงตัดสินใจบวชเป็นพระนิกายเซน และเป็นครูสอนศาสนา เขาเริ่มเดินสายเพื่อเพรียกหาสันติภาพและยุติความรุนแรงในหลายพื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่สงคราม เช่น บอสเนีย ออสวิทซ์ อัฟกานิสถาน เวียดนาม และตะวันออกกลาง

At Hell's Gate จึงเป็นบันทึกจังหวะการย่างก้าวของโทมัส ซึ่งไม่เป็นเพียงบันทึกความทรงจำของความรุนแรงในสมรภูมิรบ ภาวะภายหลังสงครามของทหารผ่านศึก ผลกระทบต่างๆ ที่ตามมาเท่านั้น

แต่ At Hell's Gate ยังอุดมไปด้วยการเดินทางจากสงครามสู่สันติภาพและสันติสุขภายในจิตใจของอดีตนายทหารผ่านศึกนาม 'คล็อด แอนชิน โทมัส' อีกด้วย

Thursday, October 16, 2008 12:02:00 AM  
Blogger solitary animal said...

ค่ะ...หากมีโอกาสแวะไปเดินงานมหกรรมหนังสือที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ช่วงนี้ (ถึงวันที่ 23 ตุลาคม 2551) ก็แวะไปอุดหนุนและให้กำลังใจกันได้ที่
บูธ G06 เพลนนารีฮอลล์



ชีวิตดีๆ .. ทีละเล่ม
Changing lives...One Book At A Time

Thursday, October 16, 2008 12:11:00 AM  
Blogger solitary animal said...

(สารภาพ)

อ่านจบ น้ำตาไหลไป 2 รอบ แฮ่ะๆ

Thursday, October 16, 2008 12:13:00 AM  
Blogger un-assignment said...

ขอบคุณที่แนะนำหนังสือน่าอ่านครับ...

clip นี้ใน YouTube น่าสนใจ....
http://www.youtube.com/watch?v=GdLE9vjY44k

Friday, October 17, 2008 9:56:00 AM  
Anonymous Anonymous said...

ชีวิตดีๆ .. ทีละเล่ม
Changing lives...One Book At A Time


ถ้าคนเราเข้าไป ติดกับ....กับดักความรู้สึก..สิ่งต่างๆ มันแผ่ซึม...เข้ามาสู่จิตใต้สำนึก จนยากเกินกว่าจะสลัดทิ้งไปได้


แล้วต้องใช้ หนังสือสัก กี่เล่ม ออกเดินทางสักกี่ครั้ง
ชีวิตของคน ๆ นั้น จะดีขึ้นหละ.....

********************
ดีใจที่ได้เห็นการอัพเดท เรื่องราวในบล็อกอีกครั้งนะ

จาก สัตว์โลกผู้โดดเดี่ยวเช่นกัน

Friday, October 17, 2008 1:51:00 PM  
Blogger solitary animal said...

ขอบคุณสำหรับ clip นะคะ พี่ un-assignment อ่านหนังสือจบแล้วอย่าลืมมาแชร์กันบ้างนะคะ :)

K.Roselle - ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันจ้า ว่าแต่ไปเดินเล่นในงานมหกรรมหนังสือที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์มาหรือยังเอ่ย?

Sunday, October 19, 2008 8:11:00 PM  
Blogger solitary animal said...

วันนี้ฝนตกตั้งแต่เช้า..รวมทั้งช่วงหัวค่ำก็ยังมีฝนตกลงมาอีกซู่ใหญ่ แม่บอกว่างานเจดีย์ทีไรฝนตกทุกที (งานฉลองพระสมุทรเจดีย์ของจังหวัดสมุทรปราการ)ทั้งพ่อและแม่ซึ่งศรศิลป์ไม่กินกันมาตั้งแต่เราเข้าเรียนชั้นประถมต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า..ลมหนาวกำลังจะมา

เห็นทีจะต้องเชื่อคำของผู้เฒ่าเพราะท่านผ่านโลกมามากกว่าเรา..เอาเป็นว่าหน้าหนาวกำลังจะมาเยือนแล้ว ยังไงอย่าลืมทำตัวเองให้อบอุ่นซะแต่เนิ่นๆ (ย้ำเตือนกะตัวเองด้วยคน)

คัดมาฝาก--สำหรับหนังสือสุดทางทุกข์ ค่ะ

------------------

บทที่ 1 เมล็ดพันธุ์แห่งสงคราม

ลองนึกถึงห้วงเวลาที่คุณยืนอยู่กลางสายฝนดูสิ เมื่อฝนเทลงมาคุณจะนึกถึงอะไรและรู้สึกอย่างไร

สำหรับฉัน ทุกครั้งที่ฝนตก ฉันจะกำลังเดินอยู่ในสนามรบ เพราะฉันผ่านการสู้รบอย่างหนักหน่วงถึง 2 วสันตฤดู และระหว่างฤดูมรสุมในเวียดนาม ฝนที่ตกลงมาในปริมาณมหาศาลก็ทำให้ทุกสิ่งเปียกโชกและเป็นโคลนตม ทุกวันนี้เมื่อฝนโปรยลงมา ฉันยังคงเดินอยู่ในสนามรบ สนามรบซึ่งเหล่าชายฉกรรจ์ส่งเสียงร้องโหยหวนและกำลังสิ้นชีวิต ฉันยังคงเห็นภาพแนวไม้ที่กระจุยด้วยฤทธิ์ของระเบิดนาปาล์ม ยังคงได้ยินเสียงบรรดาเด็กหนุ่มอายุ 17 ปีร้องไห้หาพ่อ แม่ และคนรัก เมื่อความทรงจำเหล่านั้นจางหายไป ฉันจึงรู้สึกตัวว่า ณ ขณะนี้มีเพียงสายฝนที่โปรยปรายลงมาเท่านั้นเอง

ฉันยังหาถ้อยคำที่ดีกว่านี้ไม่ได้ จึงขอเรียกเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็นภาพอดีตที่หวนคืนไปพลางก็แล้วกัน มันคือประสบการณ์ที่ฟื้นคืนชีพซึ่งฉันเองยังหาวิธีจัดการไม่ได้ ฉันอาจอยู่ในร้านขายของชำกำลังเอื้อมมือหยิบกระป๋องผักจากชั้นวาง และวินาทีนั้นเองความกลัวก็จู่โจมขึ้นฉับพลันเพราะเกรงว่ากระป๋องนั่นอาจเป็นกับระเบิด เมื่อคิดตามหลักเหตุผลแล้วฉันรู้ว่า สิ่งที่รู้สึกนั้นไม่ใช่เรื่องจริง แต่ 1 ปีเต็มในเวียดนาม ฉันต้องใช้ชีวิตท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ความกลัวเช่นนี้ไม่ได้เกินเลยจากความเป็นจริงแม้แต่น้อย และจนถึงวันนี้ฉันก็ยังไม่สามารถสะสางประสบการณ์จากช่วงสงครามได้หมด

ทว่าเรื่องราวทำนองนี้ไม่ได้เกิดกับฉันคนเดียว หากยังเกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวันทั่วทั้งโลก แต่ละวันจะมีผู้ที่รู้สึกว่าเรื่องเลวร้ายที่เคยประสบได้หวนกลับมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวแห่งความรุนแรง เคราะห์กรรม หรือบาดแผลทางใจในวัยเยาว์

สิ่งที่ฉันเรียนรู้ในช่วงหลังมานี้คือ ก่อนจะเข้าถึงความสงบสุข เราต้องสัมผัสรู้ถึงความเจ็บปวดของตัวเองเสียก่อน ต้องยอมรับและประคองมันไว้ แต่หากเป็นหลายปีก่อนหน้านั้น สิ่งเดียวที่ฉันได้เรียนรู้ก็คือการก่อสงคราม

-------------------
เป็นหนังสือที่ดีจริงๆ นะ (อยากแบ่งปันสิ่งดีๆ น่ะ)

Sunday, October 19, 2008 8:24:00 PM  
Anonymous Anonymous said...

порно фото вероники
способы секса позиции
скачать 3jp порно видео
секс машина видео
пизда фото бесплатно
порно ролики беркова
порно фото видео халява
эротика секс dvd
фото мужик жёстко трахает девушку
секс мафия

Sunday, January 17, 2010 3:38:00 PM  

Post a Comment

<< Home

Gabu on Facebook