ไปเยือนตลาดพลู (The Legendary Dharmma Tour) เลยได้พบบ้านริมคลองหลังนี้เข้า ใกล้เคียงๆ บ้านในฝันเลยนะเนี่ย...นึกถึงหนังเรื่องนี้เลย Life as a House (ปี 2001) --
I always thought of myself as a house. I was always what I lived in. It didn't need to be big. It didn't even need to be beautiful. It just needed to be mine. I became what I was meant to be. I built myself a life. I built myself a house.
10 Comments:
ไปเยือนตลาดพลู (The Legendary Dharmma Tour) เลยได้พบบ้านริมคลองหลังนี้เข้า ใกล้เคียงๆ บ้านในฝันเลยนะเนี่ย...นึกถึงหนังเรื่องนี้เลย Life as a House (ปี 2001) --
I always thought of myself as a house. I was always what I lived in. It didn't need to be big. It didn't even need to be beautiful. It just needed to be mine. I became what I was meant to be. I built myself a life. I built myself a house.
จะดีแค่ไหนถ้าได้อยู่กับบุคคลอันเป็นที่รัก ว่ามะๆ
แต่เอาเข้าจริงๆ ฉันรักบ้านที่อาศัยอยู่ทุกวันนี้มากเลย เพราะมันอบอุ่น ร่มรื่น น่ารัก มีบุพการีและพี่ๆ ที่คอยจู้จี้เป็นห่วงเป็นใยฉันตลอดเวลา แม้บางครั้งจะมากจนล้นเกินไปบ้าง มีหลานๆ ที่แม้ไม่เคารพฉันเท่าไรนัก แต่ก็ให้ความเป็นกันเองเหมือนฉันเป็นเพื่อนของเค้า มีหมา 2ตัวที่ยอมรับและให้ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขต่อฉัน (ยกเว้นฉันต้องซื้อขนมขบเคี้ยวมาฝากมันมิได้ขาด) แลกกับรอยฟกช้ำเล็กๆ น้อยๆ เวลาที่มันกระโจนมาหาฉันพร้อมกัน ขอบคุณต้นไม้ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่ผ่านเข้ามาในบ้านที่ฉันอาศัยอยู่ทุกวันนี้ ทั้งหลายทั้งปวงฉันรู้สึกขอบคุณ
'บ้าน' มิใช่เป็นเพียงที่พักพิงทางกายเท่านั้น สำหรับฉันบ้านที่มีครอบครัวอันเป็นที่รักถือเป็นสถานที่ที่คอยโอบอุ้มจิตวิญญาณของฉันด้วยล่ะ...
"บ้านไม่ใช่ที่ที่จะซ้ำเติมคุณอีก"
เป็น copy จากงานโฆษณาเมื่อหลายปีมาแล้ว ...
แต่ยังจำได้ดี ... เพราะ มันจริง (น่ะ ว่าไหม?)!
OCT'Comrade...
life as a house..
ยังไง ๆ ขยายความหน่อยจิ
รู้สึกนึกถึงเพลงของคุณบอยเลย บ้านนั้นจะเป็นบ้านได้ต้องมีคนที่เรารัก(อย่างน้อยก็รักตัวเราเอง) บ้านเป็นที่ๆทำให้เรามีความสุข บ้านเป็นที่ๆเรามีความทรงจำมากที่สุด เฮ้อ...คิดถึงบ้านหลังเก่าที่เคยโตมาสมัยเป็นเด็ก พอเห็นมันโดนรื้อไปรู้สึกเสียดาย
บ้านก็คือเรา ...สั้นๆ :)
เราเป็นยังไง บ้านก็เป็นยังงั้น :p
คัดมา..
" เวลาที่ผมไปบ้านคนที่ไม่รู้จักนั้น ผมจะมีข้อสังเกตของผมอยู่สามข้อ คือหนึ่งที่บ้านนั้นมีหนังสือไหม สอง ปลูกต้นไม้หรือเปล่า สาม มีสัตว์เลี้ยงหรือไม่ ถ้ามีครบทั้งสามอย่าง ผม (คิดเอาเอง) ว่าเจ้าของบ้านน่าจะเป็นคนที่น่าคบหาสมาคมด้วย คือเป็นคนชอบหาความรู้ใส่ตัว อารมณ์เย็น และมีเมตตา ถ้ามีอย่างใดอย่างนึงในสามอย่าง หรือสองอย่างนี้ ก็ยังน่าคบน่าคุยได้อยู่ แต่ถ้าบ้านทั้งหลังนั้นไม่มีทั้งสามอย่างนี้อยู่ในบ้านเลย ถึงแม้จะมีเหล้าหรือเบียร์เต็มตู้เย็น ผมก็ยังแหยงอยู่ดี นี่เป็นเพียงข้อสังเกตส่วนตัวนะครับ ไม่ใช่คำตัดสิน เพราะทั้งหมดทั้งปวงต้องคบกันไปนานๆ จึงจะรู้นิสัยที่แท้จริงของกันและกัน แต่ครั้งแรกที่เห็นนั้นผมจะใช้หลักนี้เป็นข้อสังเกต.."
- ชาติ กอบจิตติ
:)
คุณ Oct'Comrade - "บ้านไม่ใช่ที่ที่จะซ้ำเติมคุณอีก" แม่นนนนนนน (จริงจ้ะ)
คุณ polar blue sea - ฝากหอมแก้มน้องพลอยกะน้องพีคคนละ 1 ฟอดใหญ่ๆ โอกาสดีๆ คงได้เจอกันนะคะ
เราเป็นยังไง บ้านก็เป็นยังงั้น
งั้น บ้านของข้าพเจ้า คงจะเป็นบ้านที่มีพืชผักสวนครัวเต็มไปหมด พริก ตะไคร้ ว่านหางจระเข้ ฯลฯ
แถมยังมีลำคลองเล็ก ๆ ทอดยาวผ่านหน้าบ้านด้วย
ยามเช้า ก็นั่งรอพระ แจวเรือมารับบาตร
ยามบ่ายก็ นั่งอ่านหนังสือ เอาเท้าจุ่มน้ำ
ตอนช่วงหน้าร้อนก็กระโดดลงน้ำให้ชื่นใจ
***
ข้าพเจ้าฝันไปอีกแล้ววว กลับไปทำงานก่อนน๊ะ
^___^
ฮั่นแน่ๆ :)
ขอให้ฝันเป็นจริงในเร็ววันเน้อ คุณ Roselle!
Post a Comment
<< Home