หนึ่งในหลายๆ อย่างในปีที่ผ่านมาคือ...พฤติกรรมที่ดูเหมือนละเลย blog ทึมๆ แห่งนี้ ได้แต่แวะเข้ามาดูบ้างแต่ไม่ได้อัพเดท จน blog ขึ้นสนิมไปแล้ว ต้องขออภัยมิตรสหายบางท่านที่อุตส่าห์แวะเวียนมาแล้วต้องเจอกับความว่างเปล่า ออร่าเซ็งๆ จาก blog แห่งนี้ :)
พูดถึงความมุ่งมั่นในปีใหม่ของเจ้าของ blog สารภาพว่า ไม่มีความมุ่งมั่นจะทำอะไรกับ blog แห่งนี้มากนัก (ฮา) หากมีเพียงความมุ่งมั่นจะเป็นคนที่ดียิ่งกว่าเดิม อยากเป็นคนที่มีคุณค่ากับโลกและเพื่อนมนุษย์มากขึ้นๆ
4 Comments:
สวัสดีปีใหม่ 2551 (สวัสดี blog ตัวเองด้วย)
รู้สึกว่ายังไม่ได้จัดการอะไรหลายอย่าง อะไรหลายอย่างที่ตั้งใจจะเคลียร์ให้เรียบร้อบก่อนปีใหม่ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก (บอกตัวเอง) คือก็เป็นยังงี้มาหลายปีแล้วอ่ะ
หนึ่งในหลายๆ อย่างในปีที่ผ่านมาคือ...พฤติกรรมที่ดูเหมือนละเลย blog ทึมๆ แห่งนี้ ได้แต่แวะเข้ามาดูบ้างแต่ไม่ได้อัพเดท จน blog ขึ้นสนิมไปแล้ว ต้องขออภัยมิตรสหายบางท่านที่อุตส่าห์แวะเวียนมาแล้วต้องเจอกับความว่างเปล่า ออร่าเซ็งๆ จาก blog แห่งนี้ :)
พูดถึงความมุ่งมั่นในปีใหม่ของเจ้าของ blog สารภาพว่า ไม่มีความมุ่งมั่นจะทำอะไรกับ blog แห่งนี้มากนัก (ฮา) หากมีเพียงความมุ่งมั่นจะเป็นคนที่ดียิ่งกว่าเดิม อยากเป็นคนที่มีคุณค่ากับโลกและเพื่อนมนุษย์มากขึ้นๆ
(อยากจะอ้วกออกมาเป็น วี-ซอย ไฮ แคลเซียมเลยนะเนี่ย แต่ช่วยไม่ได้มันรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ) :p
ไปทำงานดีก่า...
ก่อนไปมีอะไรมาฝากหน่อยนึง..วันก่อนฟังรายการวิทยุ Dharma World คลื่น FM 89.25 ผู้จัดได้หยิบยกพระนิพนธ์ของสมเด็จพระสังฆราช ตอนนึงในหนังสือ "ชีวิตนี้สำคัญนัก" มาอ่าน มีการอ่านเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยมีการอภิปราย เนื้อหาพร้อมทั้งแนะนำเกร็ดภาษอังกฤษด้วย ได้ประโยชน์มากๆ อาจารย์ที่อ่านภาษาอังกฤษอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษเพราะจริงๆ ไม่เชื่อลองฟังดูสิ ออกอากาศทุกวันจันทร์ อังคาร พุธ 17.30-18.00 น.)
คัดเนื้อหามาฝากกัน
----------------------------------
หนังสือ ชีวิตนี้สำคัญนัก พระนิพนธ์ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้พูดถึงความซับซ้อนของกรรมว่า ชีวิตในชาตินี้ชาติเดียวย่อมน้อยนักเมื่อเปรียบกับชีวิตในอดีตชาติ ซึ่งนับจำนวนชาติหาถ้วนไม่ ดังนั้น กรรม คือการกระทำที่ทำในชีวิตนี้ในชาตินี้ชาติเดียวจึงน้อยนัก เมื่อเปรียบกับกรรมหรือการกระทำที่ทำไว้แล้วในอดีตชาติ อันนับจำนวนชาติไม่ถ้วน
เปรียบเหมือนการเขียนหนังสือด้วยปากกา หรือดินสอลงบนกระดาษแผ่นเดียวนั้น เขียนลงครั้งแรกก็ย่อมอ่านออกง่าย อ่านเข้าใจได้ง่าย แต่ยิ่งเขียนทับเขียนซ้ำลงไปบนกระดาษแผ่นเดียวกันนั้น ตัวหนังสือย่อมจะทับกันยิ่งขึ้น การอ่านก็จะยิ่งอ่านยากขึ้นทุกที จนถึงอ่านไม่ออกเลย ไม่เห็นเลยว่าเป็นตัวหนังสือ จะเห็นแต่รอยหมึกหรือรอยดินสอทับกันไปทับกันมาเป็นสีสันเท่านั้น ให้เพียงรู้เท่านั้นว่าได้มีการเขียนลงบนกระดาษแผ่นนั้น หาอ่านรู้เรื่องไม่ และหาอาจรู้ได้ว่าเขียนอะไรก่อน เขียนอะไรหลังนี้ฉันใด
การทำกรรมหรือการทำดีทำชั่วก็ฉันนั้น ต่างได้ทำกับมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ทับถมกับมายิ่งกว่าตัวหนังสือที่อ่านไม่ออก หารู้ไม่ว่าได้เขียนอะไรก่อน เขียนอะไรหลัง ทำกรรมใดไว้ก็ไม่รู้ไม่เห็น แยกไม่ออกว่าทำกรรมใดก่อนทำกรรมใดหลัง ทำดีอะไรไว้บ้าง มากน้อยหนักเบากว่ากันอย่างไร มาถึงชาตินี้ไม่รู้ด้วยกันทั้งสิ้น เป็นความซับซ้อนของกรรมที่แยกไม่ออก เช่นเดียวกับความซับซ้อนของตัวหนังสือที่เขียนทับกันไปมา
ความซับซ้อนของกรรมจากการกระทำของเราทั้งจากชาตินี้และชาติก่อน ทำให้บางครั้งยากในการสรุปผลของกรรมที่เกิดขึ้น ว่าเกิดจากการทำกรรมใด และผลของกรรมที่เกิดขึ้นในชาตินี้เกิดมาจากกรรมที่ทำในชาตินี้หรือชาติก่อน คนเรายิ่งทำกรรมมากเท่าไหร่ ความซับซ้อนของกรรมก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น จนยากจะหาสาเหตุของกรรมเจอ
the boy?
Post a Comment
<< Home