There are no coincidences in the universe.
Existing, living, or going without others; alone
View my complete profile
posted by solitary animal @ 12:13 AM
Hmm....What's happen? Why out of space?blue sea
ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณ blue sea มันคงเป็นอะไรซักอย่างในระดับความคิดที่ไร้น้ำหนัก ลอยอยู่ ณ ที่ใดที่นึงอันไกลโพ้นอันมืดมิด (เว้อ เว่อ เนอะ)แต่ยังไม่ปรารถนาความตายใดๆ ทั้งสิ้น มิตรสหาย และศัตรูทั้งหลายสบายใจได้ หายห่วง! :)
ภาพนี้เป็นหลุมศพของอังรี มูโอต์ (Henri Mouhot) ที่หลวงพะบาง จำได้ว่า เดินกระด๊องกระแด๊งลงไปกะโอ้ (ต้องเดินลงเขา แล้วก็เดินขึ้นเขาอีกเล็กน้อย มีขี้ช้างเป็นระยะๆ) แล้วก็คนขับรถตุ๊กๆ ลื่นไถลเล็กน้อย โอ้บ่นตลอดทางแต่สถานที่ดังกล่าวในวันนั้นไม่มีคนเลย เปลี่ยวแต่สงบ มีแม่น้ำเล็กๆ ไหลผ่านด้วยล่ะ ชอบมากๆ
เมื่ออยู่ตัวคนเดียวจึงคิดได้ เมื่อไม่มีใครจึงโหยหา...คนเราเมื่อมีเพื่อนก็อยากอยู่คนเดียว แต่พอไม่มีใครก็อยากมีเพื่อน...โลกนี้ช่างแปลกจริงหนอ มักได้ในสิ่งที่ไม่อยากได้ และอยากในสิ่งที่ไม่ได้...หากแต่พอเพียงและรู้จักว่าควรทำตัวเช่นไร...ตัวเราก็อยู่กับตัวเราในทุกที่เป็นสุขในทุกสิ่ง
เห็นด้วยกับคุณNOTEPANจริงๆ อยู่คนเดียวก็อยู่ยาก อยู่กับคนหมู่มากก็วุ่นวาย ชีวิตเต็มไปด้วยสิ่งที่อยากได้แต่ไม่สามารถได้มันมา คงต้องหาทางชนะใจตัวเอง ตัดความอยาก ความวุ่นวายในจิตใจออกไปคุณโซ ว่าแต่ อังรี มูโอต์ เป็นใครแล้วเค้าสำคัญกับประวัติศาสตร์ที่หลวงพระบางอย่างไรครับblue sea
อังรี มูโอต์ เป็นนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสค่ะ เค้าเดินทางมาท่องเที่ยวแถวอินโดจีนนี้แหละและได้ค้นพบนครวัดที่ถูกปล่อยให้รกร้าง ใช่เค้าหรือเปล่านะ ที่เป็นผู้กล่าวประโยคอมตะ See Angkor Wat and Die จำไม่ได้ค่ะเค้ามาเสียชีวิตด้วยพิษไข้ป่าที่หลวงพระบางนี่เองยังไง ลองไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เน้อ!http://en.wikipedia.org/wiki/Henri_Mouhot
คุณ notepanนับถอยหลังจะได้กลับคืนสู่มาตุภูมิหรือเปล่าเอ่ย?หวังว่าคงสบายดีนะคะ (ทั้งกายและใจ):)
ว่ากันว่า คนที่พูดประโยคอมตะ... See Angkor Wat and Die คือ นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ นาม Arnold Joseph Toynbee (April 14, 1889 – October 22, 1975) และดูเหมือนว่าคนที่นำประโยคดังกล่าวมาเอ่ยอ้างในบ้านเราเป็นคนแรก คือ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
โอ้ววว ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ
ถ้าพอรู้...ก็ยินดีให้ข้อมูลครับ...
อ้อ... ลืมเอ่ยชม เพลงใหม่ไพเราะเสนาะอารมณ์มาก ๆ
:)
Post a Comment
<< Home
12 Comments:
Hmm....What's happen? Why out of space?
blue sea
ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณ blue sea
มันคงเป็นอะไรซักอย่างในระดับความคิดที่ไร้น้ำหนัก ลอยอยู่ ณ ที่ใดที่นึงอันไกลโพ้นอันมืดมิด (เว้อ เว่อ เนอะ)
แต่ยังไม่ปรารถนาความตายใดๆ ทั้งสิ้น มิตรสหาย และศัตรูทั้งหลายสบายใจได้ หายห่วง! :)
ภาพนี้เป็นหลุมศพของอังรี มูโอต์ (Henri Mouhot) ที่หลวงพะบาง
จำได้ว่า เดินกระด๊องกระแด๊งลงไปกะโอ้ (ต้องเดินลงเขา แล้วก็เดินขึ้นเขาอีกเล็กน้อย มีขี้ช้างเป็นระยะๆ) แล้วก็คนขับรถตุ๊กๆ ลื่นไถลเล็กน้อย โอ้บ่นตลอดทาง
แต่สถานที่ดังกล่าวในวันนั้นไม่มีคนเลย เปลี่ยวแต่สงบ มีแม่น้ำเล็กๆ ไหลผ่านด้วยล่ะ ชอบมากๆ
เมื่ออยู่ตัวคนเดียวจึงคิดได้ เมื่อไม่มีใครจึงโหยหา...
คนเราเมื่อมีเพื่อนก็อยากอยู่คนเดียว แต่พอไม่มีใครก็อยากมีเพื่อน...
โลกนี้ช่างแปลกจริงหนอ มักได้ในสิ่งที่ไม่อยากได้ และอยากในสิ่งที่ไม่ได้...
หากแต่พอเพียงและรู้จักว่าควรทำตัวเช่นไร...ตัวเราก็อยู่กับตัวเราในทุกที่เป็นสุขในทุกสิ่ง
เห็นด้วยกับคุณNOTEPANจริงๆ อยู่คนเดียวก็อยู่ยาก อยู่กับคนหมู่มากก็วุ่นวาย ชีวิตเต็มไปด้วยสิ่งที่อยากได้แต่ไม่สามารถได้มันมา คงต้องหาทางชนะใจตัวเอง ตัดความอยาก ความวุ่นวายในจิตใจออกไป
คุณโซ ว่าแต่ อังรี มูโอต์ เป็นใครแล้วเค้าสำคัญกับประวัติศาสตร์ที่หลวงพระบางอย่างไรครับ
blue sea
อังรี มูโอต์ เป็นนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสค่ะ เค้าเดินทางมาท่องเที่ยวแถวอินโดจีนนี้แหละและได้ค้นพบนครวัดที่ถูกปล่อยให้รกร้าง
ใช่เค้าหรือเปล่านะ ที่เป็นผู้กล่าวประโยคอมตะ See Angkor Wat and Die จำไม่ได้ค่ะ
เค้ามาเสียชีวิตด้วยพิษไข้ป่าที่หลวงพระบางนี่เอง
ยังไง ลองไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เน้อ!
http://en.wikipedia.org/wiki/Henri_Mouhot
คุณ notepan
นับถอยหลังจะได้กลับคืนสู่มาตุภูมิหรือเปล่าเอ่ย?
หวังว่าคงสบายดีนะคะ (ทั้งกายและใจ)
:)
ว่ากันว่า คนที่พูดประโยคอมตะ... See Angkor Wat and Die คือ นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ นาม Arnold Joseph Toynbee (April 14, 1889 – October 22, 1975) และดูเหมือนว่าคนที่นำประโยคดังกล่าวมาเอ่ยอ้างในบ้านเราเป็นคนแรก คือ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
โอ้ววว ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ
ถ้าพอรู้...ก็ยินดีให้ข้อมูลครับ...
อ้อ... ลืมเอ่ยชม เพลงใหม่ไพเราะเสนาะอารมณ์มาก ๆ
:)
Post a Comment
<< Home